Get the App
DOWNLOAD NOW
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
Find a Store Blog
Watsons Services
0
MY BAG
Share

นอกจากอาการจาม คัดจมูก ภูมิแพ้อากาศยังส่งผลให้เกิด “ผื่นแพ้อากาศ” ได้ด้วย ทำให้เกิดทั้งผื่นกระทบกับปัญหาผิวหนัง และทำให้เกิดอาการคัน แสบ  ซึ่งสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตอย่างมาก บทความนี้วัตสันเลยอยากชวนเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับอาการผื่นแพ้อากาศหนาวและผื่นแพ้อากาศประเภทอื่น ๆ ให้มากขึ้น เพื่อหาวิธีดูแลป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา

Highlight

  • ผื่นแพ้อากาศ คืออะไร
  • ลักษณะผื่นแพ้อากาศเป็นอย่างไร
  • ผื่นแพ้อากาศ เกิดจากอะไร
  • ผื่นแพ้อากาศ มีกี่ประเภท
  • อาการผื่นแพ้อากาศ มีอะไรบ้าง
  • อาการผื่นแพ้อากาศแบบไหนที่ควรพบแพทย์ทันที
  • การวินิจฉัยผื่นแพ้อากาศ มีวิธีไหนบ้าง
  • รักษาผื่นแพ้อากาศอย่างไร
  • ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นผื่นแพ้อากาศ
  • ป้องกันผื่นแพ้อากาศอย่างไร
  • คำถามพบบ่อย

ผื่นแพ้อากาศ คืออะไร 

ผื่นแพ้อากาศ เป็นอาการผื่นจากโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังชนิดหนึ่ง (Atopic Dermatitis) มักจะเกิดขึ้นเมื่อเจอกับสภาพอากาศเป็นพิษ หรือเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ควัน ละอองฝุ่น ฝุ่น PM 2.5 เกสรดอกไม้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างฉับพลัน เช่น อากาศร้อนหรือหนาวอย่างรวดเร็ว และความชื้นในอากาศ ฯลฯ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันมีการตอบสนอง และแสดงอาการระคายเคืองออกมาทางผิวหนัง และบริเวณที่มักพบผื่นแพ้อากาศคือ ใบหน้า ลำตัว ข้อพับ แขน ขา และมีอาการทางระบบทางเดินหายใจร่วมด้วย ซึ่งอาการผื่นแพ้อากาศหนาวและผื่นแพ้อากาศประเภทอื่นก็สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยอีกด้วย

ลักษณะผื่นแพ้อากาศเป็นอย่างไร

โดยปกติแล้วผื่นแพ้อากาศมักจะเกิดอาการภูมิแพ้มาก่อน ในระยะเริ่มแรกอาจจะมีอาการคัดจมูก ไอ จามตาแดง น้ำมูกไหล และเริ่มมีอาการคันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และถ้าหากไม่รีบดูแลรักษาผื่นอาจขยายเป็นวงกว้างได้ ซึ่งลักษณะของผื่นแพ้อากาศ จะมีอาการ ดังนี้ 

  • ผิวหนังแห้ง 
  • เริ่มมีตุ่มนูนขึ้นมาบริเวณผิวหนัง
  • เกิดผื่นแดงเป็นปื้น ๆ 
  • รู้สึกคัน หรือ แสบ 
  • แผลจากผื่นเริ่มขยายเป็นวงกว้าง 
  • อักเสบ และบวมขึ้น
ผื่นแพ้อากาศหนาวเกิดจากสาเหตุอะไร

ผื่นแพ้อากาศ เกิดจากอะไร

ผื่นแพ้อากาศที่เกิดจากสภาพอากาศ

ผื่นแพ้อากาศสามารถเกิดขึ้นได้ทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อน อากาศหนาว หรือในอากาศชื้น ก็สามารถเกิดผื่นแพ้ขึ้นได้ เนื่องจากร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันจะถูกกระตุ้นจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยผื่นแพ้อากาศที่เกิดจากสภาพอากาศ ยังมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • อากาศร้อนจัด ผื่นแพ้อากาศร้อน มักขึ้นบริเวณจุดอับหรือมีการเสียดสีบ่อย เช่น ต้นขาด้านในทั้ง 2 ข้าง ใต้รักแร้ ข้อพับ หัวเข่า ซอกคอ บางครั้งผื่นอาจจะขึ้นลามเป็นวงกว้าง บางรายผิวบวม นูน แดง มีอาการคัน และจะแสบยิ่งขึ้นเมื่อโดนเหงื่อ
  • อากาศหนาวจัด ผื่นแพ้อากาศเย็น เกิดจากอากาศเย็นทำให้ผิวแห้ง หยาบ ลอกเป็นขุย มักจะขึ้นบริเวณแขน ขา และมือ เมื่อเกาจะทำให้ผิวแดง อักเสบ และเป็นแผลพุพอง
  • อากาศชื้น ผื่นแพ้อากาศชื้น เกิดจากมีความชื้น ทั้งจากอากาศที่อบอ้าวก่อนฝนตก และความเปียกชื้นที่ตามมาหลังฝนตก มักพบในบริเวณที่เป็นจุดอับ เช่น ข้อพับแขน ข้อพับขา ต้นคอ ซอกคอ จะมีผื่นขึ้นและรู้สึกคันมาก หากเกาอย่างรุนแรงก็อาจทำให้ผิวอักเสบได้
  • มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5 สภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหนา สกปรก แมลงชุกชุม หรือเต็มไปด้วยมลพิษ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผื่นแพ้อากาศ นอกจากนี้บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ก็ยังมีโอกาสถูกกระตุ้นให้เกิดผื่นแพ้อากาศได้มากยิ่งขึ้นไปอีก 

ผื่นแพ้อากาศที่เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ

ผื่นแพ้อากาศนอกจากจะเกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแล้ว ผื่นแพ้อากาศยังสามารถเกิดขึ้นได้จากสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่ปะปนอยู่ในอากาศ จึงควรเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ ได้แก่

  • เกสรดอกไม้ ละอองของพืช เกสรพืช เมื่อเข้าสู่ทางเดินหายใจอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ขึ้นได้
  • ขนสัตว์ เส้นขน และโปรตีนบนผิวหนัง น้ำลาย หรือปัสสาวะของสัตว์เลี้ยงมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้
  •  ไรฝุ่น บริเวณที่มีฝุ่นหนา สกปรก แมลงชุกชุม หรือเต็มไปด้วยมลพิษ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผื่นแพ้อากาศด้วยเช่นกัน 
  • เชื้อรา อาจเกิดได้จากการสูดสปอร์ของเชื้อราที่ปะปนอยู่ในอากาศเข้าสู่ร่างกาย สปอร์ของเชื้อราจะไปกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองด้วยการผลิตสารที่เรียกว่าฮิสตามีน ออกมาเป็นจำนวนมาก จนก่อให้เกิดอาการแพ้
  • แมลงต่าง ๆ ละอองหรือสารจากตัวแมลง เมื่อเข้าสู่ทางเดินหายใจอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ขึ้นได้
  • สบู่ ผงซักฟอก สารเคมีต่าง ๆ ส่วนใหญ่สบู่และผงซักฟอกที่มีฤทธิ์เป็นด่าง จะส่งผลทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ยิ่งถ้ามีผิวอ่อนแอจะทำให้ระคายเคืองง่าย เมื่อเจอสิ่งที่ก่ออาการแพ้มากระตุ้น เช่น ฝุ่น อากาศร้อน ก็ทำให้แพ้อากาศผื่นขึ้นมาได้
 ผื่นแพ้อากาศหนาวบริเวณข้อพับแขน

ผื่นแพ้อากาศ มีกี่ประเภท

ผื่นแพ้อากาศร้อน

ผื่นแพ้อากาศร้อน เป็นผื่นที่พบบ่อยในช่วงอากาศร้อน เนื่องจากอากาศอบอ้าวทำให้เหงื่อออกมา ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ และระคายเคืองขึ้นได้ โดยผื่นแพ้อากาศมักจะขึ้นในบริเวณจุดอับหรือมีการเสียดสีบ่อย เช่น ต้นขาด้านในทั้ง 2 ข้าง ใต้รักแร้ ข้อพับ หัวเข่า ซอกคอ ลักษณะผื่นจะขึ้นลามเป็นวงกว้าง ในบางรายอาจมีผิวบวม นูน แดง มีอาการคัน และจะแสบยิ่งขึ้นเมื่อโดนเหงื่อ

ผื่นแพ้อากาศเย็น

ผื่นแพ้อากาศเย็น เป็นผื่นที่มักพบบ่อยในช่วงฤดูหนาว เพราะอากาศที่เย็นลง และอากาศแห้ง ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ส่งผลให้เกิดผิวแห้ง หยาบ ลอก เป็นขุย โดยเฉพาะบริเวณแขน ขา และมือ และเมื่อไปเกาบริเวณที่ผิวแห้งลอกจะทำให้ผิวแดง อักเสบ และเป็นแผลพุพอง ดังนั้นเพื่อลดการเกิดผื่นแพ้อาการหนาว จึงควรบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ

ผื่นแพ้ฝน

ผื่นแพ้อากาศที่เกิดในฤดูฝน ผื่นแพ้ฝนจะเกิดจากความชื้นที่มากับฝนตก ทั้งจากอากาศที่อบอ้าวก่อนฝนตก และความเปียกชื้นที่ตามมา ผื่นประเภทนี้มักพบในบริเวณที่เป็นจุดอับ เช่น ข้อพับแขน ข้อพับขา ต้นคอ ซอกคอ จะมีผื่นขึ้นและรู้สึกคันมาก และถ้าหากไปเกาอย่างรุนแรงอาจทำให้ผิวอักเสบได้

อาการผื่นแพ้อากาศ มีอะไรบ้าง

อาการผื่นแพ้อากาศ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งสาเหตุอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงเกิดได้จากสารก่อภูมิแพ้ที่ปะปนในอากาศด้วย ซึ่งอาการอาจจะมีความรุนแรงแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคน รวมไปถึงอาการผื่นอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และทำให้เกิดอาการผื่นแพ้อากาศเหล่านี้ขึ้นได้

  • จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • คันตามจมูก ปาก ตา ผิวหนัง
  • ผื่นแดงตามใบหน้า ลำตัว แขน ขา หรือข้อพับ
  • ผื่นแดงมีตุ่มนูน
  • ผื่นแดงแห้ง เป็นขุย เกาแล้วผื่นลุกลามใหญ่ขึ้น
  • ผื่นหนา เป็นรอยคล้ำ
  • ไม่สามารถพักผ่อนได้ตามปกติ เนื่องจากอาการคันของผื่นในช่วงกลางคืน
  • ไม่สามารถออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬากลางแจ้งได้เต็มที่ เพราะความร้อนและความอับชื้นทำให้เหงื่อออกและคัน
  • อาการผื่นคันกระทบกับสุขภาพจิต ทำให้เสียสมาธิ หงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี
  • ในบางกรณีหากเกิดอาการแพ้รุนแรง อาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก เวียนศีรษะ หรือความดันโลหิตต่ำ

อาการผื่นแพ้อากาศแบบไหนที่ควรพบแพทย์ทันที

อาการผื่นแพ้อากาศหนาวและผื่นแพ้อากาศประเภทอื่น โดยปกติแล้วไม่ได้มีความรุนแรงมาก และสามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้อาการผื่นหายเองได้ แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรงมากจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที สังเกตได้จากอาการเหล่านี้ ได้แก่

  • รู้สึกคันมากจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน ทำให้นอนไม่หลับ หรือใช้ชีวิตปกติได้อย่างยากลำบาก 
  • เป็นผื่นคันนานกว่า 2 สัปดาห์
  • เป็นผื่นคันโดยไม่ทราบสาเหตุ 
  • มีไข้ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด
  • ทำให้นอนไม่หลับจนสุขภาพแย่ลง ทำงานได้ไม่เต็มที่
  • ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ
ผื่นแพ้อากาศหนาว

การวินิจฉัยผื่นแพ้อากาศ มีวิธีไหนบ้าง

การวินิจฉัยผื่นแพ้อากาศอาจพิจารณาให้ทำการทดสอบภูมิแพ้ผิวหนัง (Patch Test) โดยการป้ายตัวอย่างสารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ไว้บนแผ่นหลัง เพื่อทดสอบว่าสารตัวไหนก่อให้เกิดการแพ้บนผิวหนัง หรืออาจทำการทดสอบการแพ้ด้วยการตรวจเลือด (Blood Test) เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด ดังนี้

การผ่าตัดชิ้นเนื้อจากผิวหนัง (Skin Biopsy)

การผ่าตัดเนื้อเยื่อออกจากผิวขนาดเล็ก เพื่อตรวจสอบเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ที่อยู่ตามบริเวณผิวหนัง สำหรับวิธีนี้จะสามารถบ่งบอกถึงระยะความรุนแรงของผื่นได้ด้วย เพื่อเตรียมการรักษาที่เหมาะสม

การทดสอบผื่นทางผิวหนัง (Allergy Skin Test)

การนำน้ำยาที่สกัดจากสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ เช่น ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เชื้อรา รังแคของสัตว์ ฯลฯ มาทดลองหยดลงบนผิวหนัง เพื่อดูสาเหตุของการแพ้ เมื่อร่างกายเกิดอาการแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดไหน บริเวณนั้นจะเกิดตุ่มนูน แดง คันขึ้น แต่สามารถยุบหายได้เอง

การตรวจเลือด (ฺBlood Test)

วิธีนี้จะใช้กับคนที่มีอาการผื่นแพ้ทางผิวหนัง และทำการทดสอบ 2 วิธีข้างต้นแล้ว แต่ยังสาเหตุไม่ได้ จะใช้การตรวจเลือดหาปริมาณสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด เป็นวิธีที่ทราบผลตรวจได้รวดเร็วและแม่นยำ แต่อาจมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

ผื่นแพ้อากาศหนาว หากมีอาการแพ้อากาศเย็นผื่นคันวิธีแก้ต้องทำอย่างไรบ้าง

รักษาผื่นแพ้อากาศอย่างไร

ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง

อาการผื่นแพ้อากาศมีหลายรูปแบบทั้งผื่นแพ้อากาศหนาวและผื่นแพ้อากาศประเภทอื่น ๆ เพื่อให้รักษาอาการผื่นแพ้อากาศได้ตรงจุดยิ่งขึ้น แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการวินิจฉัยที่ชัดเจน ไม่แนะนำให้ซื้อยามากินหรือทาเอง เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ รวมไปถึงยารักษาอาการผื่นคันนั้นเป็นยาอันตราย ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์

ทานยา พ่นยาแก้แพ้

เมื่อแพทย์วินิจฉัยอาการผื่นแพ้อากาศอย่างแน่ชัดแล้ว อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยการรับประทานยาหรือพ่นยาแก้แพ้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ยาแก้แพ้กลุ่มที่ทำให้ง่วงซึม และยาแก้แพ้กลุ่มที่ไม่ทำให้ง่วงซึม โดยยาแก้แพ้ที่นิยมใช้รักษา ได้แก่ ยาแก้แพ้กลุ่มยาไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine) เป็นยาต้านฮิสตามีน ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยสารก่อภูมิแพ้

ทาครีมที่มีส่วนผสมของ Corticosteroids

คอร์ติโคสเตียรอยส์ (Corticosteroids) ชนิดใช้ภายนอก เป็นตัวยาที่มักนำมาใช้เพื่อการลดอาการอักเสบของผิวหนัง ลดอาการบวม ผื่นแดง ผื่นคัน ผื่นแพ้อากาศ หรืออาการแพ้ทางผิวหนังอื่น ๆ ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน จึงช่วยลดการตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ด้วย แต่ไม่แนะนำให้ซื้อยามาทาเอง เนื่องจากการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรอย่างใกล้ชิด

ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นผื่นแพ้อากาศ

1. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และไม่อาบน้ำเป็นเวลานาน ๆ

การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเกินไป รวมไปถึงการอาบน้ำนาน ๆ มีส่วนทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดผิวแห้งและเกิดผื่นคันได้ จึงควรเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรืออาบน้ำเป็นเวลานาน และใช้เวลาการอาบน้ำให้พอเหมาะ ไม่ควรเกิด 5-10 นาที

2. ไม่เกาบริเวณที่เกิดผื่นคัน

เมื่อเกาในบริเวณที่เกิดผื่นคันจะทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ และทำให้อาการผื่นรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นได้ เนื่องจากบริเวณมือที่เราใช้สัมผัสสิ่งต่าง ๆ อาจมีเชื้อโรคและแบคทีเรียสะสมอยู่ จึงไม่ควรเกาในบริเวณที่เกิดผื่นคันเด็ดขาด

3. รักษาความสะอาดเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และที่พักอยู่เสมอ

สาเหตุหนึ่งของอาการผื่นแพ้อากาศ มาจากไรฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่ปะปนในอากาศ รวมไปถึงในที่พักที่มีการเลี่ยงสัตว์ อาการผื่นภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้จากเส้นขน น้ำลายของสัตว์ ฯลฯ ได้ด้วย จึงควรรักษาความสะอาดเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และที่พักอยู่เสมอ

4. ใช้สบู่และโลชั่นสูตรอ่อนโยน ให้ความชุ่มชื้น เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

สบู่ ผงซักฟอก สารเคมีต่าง ๆ ส่วนใหญ่สบู่และผงซักฟอกที่มีฤทธิ์เป็นด่าง จะส่งผลทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะในคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ก็จะทำให้ระคายเคืองง่าย จึงควรใช้สบู่ที่มีความอ่อนโยน และหลังจากอาบน้ำก็ควรดูแลผิว ด้วยโลชั่นที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว 

5. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ให้ความชุ่มชื้น และลดการระคายเคืองต่อผิว

ผื่นแพ้อากาศหนาวและผื่นแพ้อากาศประเภทอื่น ๆ มักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีผิวแห้ง ลอก เป็นขุย ดังนั้นจึงควรบำรุงผิวด้วยไอเทมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น อย่างโลชั่นสูตรมอยส์เจอไรเซอร์ หรือครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น มีความอ่อนโยน เพื่อลดการระคายเคืองผิวจากผิวแห้ง และช่วยลดโอกาสในการเกิดผื่นแพ้อากาศได้

6. ใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการแพ้

ในกรณีที่เป็นผื่นแพ้อากาศสามารถทาครีมที่มีส่วนผสมของคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เพื่อช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังและลดอาการบวมให้ดีขึ้นได้ รวมไปถึงใช้ยาแก้แพ้ ยาหยอดตา พ่นยาแก้แพ้ รักษาตามอาการ ซึ่งการใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

7. ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ

อีกหนึ่งวิธีในการเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอาการผื่นแพ้อากาศหนาวและผื่นแพ้อากาศประเภทอื่น ๆ สามารถทำได้ด้วยการดูแลตัวเอง โดยการรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการพักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กระตุ้นการเกิดอาการแพ้ เช่น เลี่ยงการสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

ผื่นแพ้อากาศหนาว ป้องกันได้ด้วยการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

ป้องกันผื่นแพ้อากาศอย่างไร

1. สวมหน้ากากอนามัย

สำหรับคนที่ต้องออกไปข้างนอก หรือเมื่อต้องเจอกับสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ เพื่อป้องกันฝุ่นละออง และสารก่อภูมิแพ้ที่อาจปนเปื้อนอยู่ในบรรยากาศ อาจทำให้เกิดอาการผื่นแพ้อากาศขึ้นมาได้

2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารบำรุงผิว เช่น โอเมก้า3 ไบโอติน วิตามินต่าง ๆ จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงและมีสุขภาพดี ช่วยลดโอกาสที่จะเป็นผื่นแพ้อากาศลงไปได้ และยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ดูแลเรื่องของผิวพรรณให้มีความสดชื่น เปล่งปลั่ง ลดอาการผิวแห้งลงไปได้

3. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารก่อการแพ้

ควรเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารก่อการแพ้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสารก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น น้ำหอม สารกันเสีย ฯลฯ และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหนังที่มีความอ่อนโยน มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวด้วย

4. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต

เราสามารถป้องกันการเกิดผื่นภูมิแพ้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียค่ารักษาจากหมอ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น อาบน้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันทุกครั้งเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นละออง ควัน หรือมลพิษทางอากาศมาก ๆ เป็นต้น

5. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

สำหรับคนที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม พร้อมกับดูแลรักษาอาการผื่นแพ้อากาศหนาวและผื่นแพ้อากาศประเภทอื่น ๆ มาทุกวิธีแล้ว แต่ยังคงมีอาการแพ้อยู่ หรือมีอาการแพ้รุนแรงกว่าเดิม แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อขอคำแนะนำในการป้องกัน ให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยอาการแพ้ที่ชัดเจนมากขึ้น

ผื่นแพ้อากาศหนาว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น และอ่อนโยน

อาการผื่นแพ้อากาศหนาวและผื่นแพ้อากาศประเภทอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาการที่ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตมากนัก แต่สร้างความลำบากในการใช้ชีวิตอย่างมากอยู่เหมือนกัน สำหรับใครที่ไม่อยากเป็นผื่นแพ้อากาศ โดยเฉพาะคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต หันมาดูแลสุขภาพร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น รวมไปถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยบำรุงผิวชุ่มชื้นที่มีความอ่อนโยน ลดความเสี่ยงผิวสัมผัสสารก่อการแพ้ต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง และเกิดอาการแพ้อากาศขึ้นได้ด้วย

คำถามพบบ่อย

Q: ผื่นแพ้อากาศเย็นกี่วันหาย ใช้เวลารักษานานแค่ไหน?

A: การรักษาผื่นแพ้อากาศอาจใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและการตอบสนองต่อการรักษา ควบคู่ไปกับการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นและการใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นที่ผิวหนัง

Q: มีวิธีแก้ผื่นแพ้อากาศหนาวด้วยตัวเองหรือไม่?

A: แพ้อากาศเย็นผื่นคันวิธีแก้เบื้องต้น สามารถทำได้ด้วยการทายาหรือรับประทานยาแก้แพ้ แต่หากมีอาการรุนแรงหรือต้องการคำแนะนำที่ชัดเจน ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นผื่นแพ้อากาศหนาว?

A: สังเกตได้จากอาการผื่นที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน จะมีลักษณะเป็นปื้นแดงตามบริเวณใบหน้า ลำคอ แขน ขา หรือข้อพับ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา ตาแดง

Q: ผื่นแพ้อากาศเย็นเกี่ยวข้องกับโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือไม่?

A: ผื่นแพ้อากาศเย็นเป็นหนึ่งในอาการของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง คนที่มีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจะมีแนวโน้มเกิดผื่นแพ้อากาศได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

Q: วิธีป้องกันผื่นแพ้อากาศหนาวทำได้อย่างไร?

A: การป้องกันผื่นแพ้อากาศหนาวทำได้โดยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น ไม่เกาบริเวณที่เกิดผื่น รักษาความสะอาดของเสื้อผ้าและที่พักอาศัย ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ

Q: ผื่นแพ้อากาศเย็นต้องไปหาหมอหรือไม่

สำหรับผื่นแพ้อากาศเย็นที่มีอาการแค่เล็กน้อย เช่น คัดจมูก มีผื่นคันบางจุด สามารถรักษาเบื้องต้นด้วยตัวเองด้วยการทายาหรือรับประทานยาแก้แพ้ แต่ถ้าอยากได้รับคำแนะนำในการรักษาที่แน่ชัด หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น จามอย่างหนัก น้ำมูกไหล เจ็บคอ มีเสมหะ คันตา ตาแดง และหูอื้อ แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยอาการ แนะนำวิธีรักษา และป้องกันที่เหมาะสม

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.bedee.com/articles/skin-aesthetic/airborne-allergic-rash

https://www.johnsonsbaby.co.th/review-and-tips/beauty/causes-of-allergic-rhinitis

https://www.exta.co.th/how-to-prevent-allergic-rash-airborne/

https://drviiclinic.com/article/airborne-allergic-rash

คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

Hyaluronic Acid คืออะไร มีประโยชน์และช่วยบำรุงผิวอย่างไร

Next

ลำดับการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง ฟื้นบำรุงผิวหน้าให้สวยกระจ่างใส

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2025
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. วิธีลดพุง หน้าท้อง เร่งด่วนใน 7 วัน เพื่อหุ่นเฟิร์ม ฉบับเร่งด่วน!
  7. Hyaluronic Acid คืออะไร มีประโยชน์และช่วยบำรุงผิวอย่างไร
  8. แพ้ครีม เป็นสิวหน้าแพ้ครีมเป็นแบบไหน ดูแลรักษาอย่างไร
  9. ลำดับการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง ฟื้นบำรุงผิวหน้าให้สวยกระจ่างใส
  10. ผื่นแพ้อากาศหนาว สาเหตุ อาการ และวิธีป้องกันผื่นแพ้อากาศเย็นที่ถูกต้อง
  11. ผิวแห้งคันตกสะเก็ดเกิดจากอะไร ? รวม 9 ทริคดูแลผิวในหน้าหนาว
*/?>