Get the App
DOWNLOAD NOW
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play
  • app-store
  • app-gallery
Find a Store Blog
English
Community
NEW!!
Watsons Services
0
MY BAG
Share

อาการของส้นเท้าแตก เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย เกิดจากการที่ผิวหนังบริเวณส้นเท้าแห้ง และแตก ถึงแม้ว่าจะเป็นอาการที่ไม่ได้รุนแรงเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่ก็อาจจะสร้างความรำคาญใจ และกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอยู่มากเหมือนกัน บทความนี้วัตสันเลยอยากชวนเพื่อน ๆ มาบำรุงส้นเท้า ให้มีความเรียบเนียน ไม่เกิดปัญหาส้นเท้าแตกกันด้วย

ส้นเท้าแตกคืออะไร?

ส้นเท้าแตก เป็นอาการที่ผิวหนังบริเวณส้นเท้าแห้งแข็ง หยาบกระด้าง แตกและแยก ออกเป็นแผ่น และในบางรายที่มีอาการแตกถึงผิวหนังด้านใน อาจทำให้มีเลือดออก หรือทำให้รู้สึก เจ็บปวดตามมาได้ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่มักจะเกิดบ่อยในช่วงฤดูหนาว ส่วนใหญ่มีอาการ ไม่รุนแรง ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และสามารถดูแลได้ด้วยตัวเอง

สาเหตุของส้นเท้าแตกเกิดจากอะไร?

สำหรับอาการส้นเท้าแตก สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งส้นเท้าแตกจากปัจจัยภายในร่างกายเราเอง และส้นเท้าแตกจากปัจจัยภายนอกจากสภาพแวดล้อม หรือพฤิตกรรมเสี่ยงต่าง ๆ

ปัจจัยภายในที่ทำให้ส้นเท้าแตกมีอะไรบ้าง?

  • กรรมพันธุ์ ด้วยลักษณะอาการส้นเท้าแตก ก็คือผิวหนังชั้นนอกสุดเจริญเติบโตมาก ถ้าพ่อแม่เป็น ลูกหลานก็มักจะมีปัญหาอาการส้นเท้าแตกตามมาด้วย
  • ผลข้างเคียงจากอาการเจ็บป่วยบางโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบเรื้อรัง เป็นต้น
  • อายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินผลิตน้อยลง ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น และไม่ยืดหยุ่นจนเกิดอาการส้นเท้าแตกได้

ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ส้นเท้าแตกมีอะไรบ้าง?

  • การดื่มน้ำไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย ในแต่ละวัน ประมาณ 6 – 8 แก้ว หรือ 2 – 3 ลิตร
  • อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำ หรือแช่น้ำร้อนเป็นเวลานาน อาจจะทำให้ผิวแห้งจนเกิดอาการ ส้นเท้าแตกและลอก รวมไปถึงการใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ทำให้ผิวแห้งด้วย
  • อยู่ในบริเวณที่มีอากาศแห้ง และเย็นเป็นประจำ และไม่ได้มีการบำรุงผิวให้ความชุ่มชื้น จึงทำให้ผิวเกิดแห้ง และแตกลอกได้ง่าย
  • ใส่รองเท้าที่ไม่ถนอมผิวบริเวณส้นเท้า รวมไปถึงพฤติกรรมที่ทำร้ายส้นเท้า เช่น เดินเท้าเปล่า โดยไม่ใส่รองเท้า การสวมรองเท้าไม่พอดีกับขนาดเท้า การสวมรองเท้าแบบเปิดผิวเท้า หรือพื้นรองเท้าแข็งเกินไป ฯลฯ 
  • ไม่ทาครีมบำรุง หรือไม่ได้ดูแลผิวส้นเท้า ปกติส้นเท้าจะเกิดการเสียดอยู่ตลอดเวลา จากการเดิน หรือสวมใส่รองเท้า ทำให้ผิวบริเวณส้นเท้าเสียความชุ่มชื้น และแตกด้านได้ง่าย จึงควรบำรุง ส้นเท้าให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • การแพ้สารบางชนิด สารบางชนิดที่สัมผัสกับส้นเท้า เช่น สารเคมี ปูนซีเมนต์ อาจจะทำให้เกิด อาการแพ้ และส้นเท้าแตกลอกได้

ส้นเท้าแตกเสี่ยงเป็นอันตรายไหม

ส้นเท้าแตกถือเป็นปัญหาผิวหนังที่เริ่มต้นจากความแห้งกร้าน ไม่ก่ออันตรายต่อร่างกายในขั้นแรก แต่หากละเลยไม่ดูแล ส้นเท้าแตกอาจลุกลามจนเกิดรอยแยกลึก เจ็บเวลายืนหรือเดิน และอาจมีเลือดหรือหนองไหลออกมาได้ การดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้รักษาได้ง่ายและเร็ว

แต่หากปล่อยไว้อาการอาจกลายเป็นเรื้อรัง ใช้เวลารักษานาน และกระทบต่อรูปลักษณ์รวมถึงบุคลิกภาพ
ดังนั้น ควรเริ่มบำรุงและรักษาส้นเท้าเมื่อสังเกตเห็นร่องรอยแตก เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาวต่อร่างกายและความมั่นใจในตัวเอง

ส้นเท้าแตก

วิธีการดูแล และแก้ส้นเท้าแตกให้กลับมาเนียนนุ่มมีอะไรบ้าง?


1.ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตก คือการดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อวัน ทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้ง รวมไปถึงผิวบริเวณส้นเท้าด้วย ทำให้ส้นเท้าเกิดอาการแตกลอก จึงควรดื่มน้ำ ให้เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน ประมาณ 6 – 8 แก้ว หรือ 2 – 3 ลิตร เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

2.อาบน้ำในอุณหภูมิปกติ

การอาบน้ำอุ่น หรือการแช่น้ำร้อนนาน ๆ มีส่วนทำให้ผิวแห้งลอก ผิวขาดความชุ่มชื้นได้ ส่งผลไปจนถึงผิวส้นเท้า ทำให้เกิดอาการส้นเท้าแตก จึงควรอาบน้ำในอุณหภูมิปกติ รวมไปถึงการเลือก ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และระคายเคืองผิว เพื่อช่วยถนอมผิวไม่ให้เกิดอาการส้นเท้าแตกไปในตัวด้วย

3.เลือกรองเท้าให้พอดี และถนอมส้นเท้า

การใส่รองเท้าที่ไม่ถนอมผิวบริเวณส้นเท้า รวมไปถึงพฤติกรรมที่ทำร้ายส้นเท้า เช่น เดินเท้าเปล่าโดยไม่ใส่รองเท้า การสวมรองเท้าไม่พอดีกับขนาดเท้า การสวมรองเท้าแบบเปิดผิวเท้า หรือพื้นรองเท้าแข็งเกินไป ฯลฯ มีส่วนทำให้ส้นเท้าแตกได้ จึงควรเลือกรองเท้าที่มีขนาดพอดี พื้นรองเท้ามีความนุ่ม และคุณภาพดี ใส่ถุงเท้าขนนุ่ม ช่วยลดแรงกระแทกบริเวณส้นเท้า เพื่อลดอาการส้นเท้าแตกได้ด้วย

4. ใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน

ควรเลือกใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อลดความระคายเคือง และช่วยป้องกันไม่ให้ส้นเท้าแตก หรือแห้งกร้านมากขึ้น

5. น้ำหนักตัวมาก

หากมีน้ำหนักตัวมาก ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อลดแรงกดที่ส้นเท้า ซึ่งนอกจากช่วยป้องกันส้นเท้าแตกแล้ว ยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดกลิ่นเท้าได้ด้วย

6. ทาบาล์มบำรุงสำหรับทาส้นเท้าแตก

บาล์มบำรุงสำหรับทาส้นเท้าแตก หรือปิโตรเลียมเจลลี่ หนึ่งในไอเทมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้แก่ผิวได้ดี และยังมีคุณสมบัติเด่นในการฟื้นฟูผิวแห้งแตก สามารถช่วยบำรุงส้นเท้าแตกได้อย่างดี แนะนำให้ทาตอนก่อนนอนแล้วสวมถุงเท้าทับ เพื่อให้ผิวบริเวณส้นเท้าที่แตกได้ดูดซับความชุ่มชื้น จากบาล์มในตลอดคืน หรือจะลองใช้ไอเทมบาล์มโลชั่นเหล่านี้บำรุงส้นเท้าก็ได้ เช่น

  • NIVEA นีเวีย ครีม

ตัวนี้จะเป็นรีแพร์ครีมบำรุงผิวเข้มข้น และเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นผิว ลดจุดสัมผัสแห้งกร้าน และป้องกันรอยแตกบนผิวหนัง สามารถใช้ทาบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน และป้องกันอาการส้นเท้าแตกได้ด้วย

  • Eucerin ยูเซอริน อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม

ไอเทมบำรุงเนื้อบาล์มแบบ Semi-Occlusive ที่มีตัวเคลือบป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว ผสานส่วนผสมที่เร่งฟื้นบำรุง แพนทีนอล กลีเซอริน ลาโนลิน และบิสซาโบลอล เหมาะกับผิวบอบบาง แพ้ง่าย และไม่มีสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ได้แก่ น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน สี

  • Cetaphil เซตาฟิล มอยส์เจอไรซิ่ง ครีม สำหรับผิวแห้ง-แห้งมาก

มอยส์เจอไรเซอร์ตัวดัง ช่วยดูแลผิวแห้ง ถึงแห้งมาก และผิวบอบบาง แพ้ง่าย ช่วยเพิ่ม ความชุ่มชื้นได้ตั้งแต่วันแรกที่ใช้ และยังช่วยฟื้นคืนเกราะป้องกันผิว ล็อกความชุ่มชื้นไว้ที่ผิวได้ยาวนาน 48 ชั่วโมง แถมยังเป็นสูตรอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดสิวอีกด้วย

7. การรักษาส้นเท้าแตกทางการแพทย์

หากส้นเท้าแตกมีอาการรุนแรง เช่น บวมแดง เจ็บมาก มีหนอง หรือไม่ดีขึ้นแม้รักษาด้วยตัวเอง แพทย์อาจเข้ารักษาโดยตรง ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อที่แห้งแตกออก การจ่ายยาบรรเทาอาการปวด หรืออักเสบ การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของยูเรียหรือกรดซาลิไซลิก การพันแผลเพื่อลดรอยแตก รวมถึงการใส่แผ่นรองพื้นรองเท้าเพื่อลดแรงกดบริเวณส้นเท้า

บำรุงส้นเท้าแตก

แนะนำ 4 ครีมทาส้นเท้าแตกตัวดัง แก้ส้นเท้าแตกให้กลับมาเนียนนุ่ม


1.Watsons ครีมทาส้นเท้าแตก ฟุต อีส บาย วัตสัน แคร็ก ฮีล ครีม 

ครีมทาส้นเท้าแตก Watsons ฟุต อีส บาย วัตสัน แคร็ก ฮีล ครีม

มาเริ่มกันที่ครีมทาส้นเท้าแตกจาก Watsons กันก่อนเลย สำหรับครีมบำรุงเท้าตัวนี้ เป็นครีมที่มีส่วนประกอบของยูเรียเข้มข้น 9.5%(Urea) แซคคาโรด์ ไอโชเมอร์เรท (Saccharide Isomerate) อะลันโทอิน (Allantoin) และอนุพันธ์วิตามินอี (Vitamin E) จะช่วยให้ผิวเท้าเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน เนื้อครีมซึมเข้าผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะอีกด้วย

จุดเด่น มีสารบำรุงหลายชนิด

ราคา 120 บาท

ปริมาณ 50 กรัม

2.ELLGY ครีมทาส้นเท้าแตก แอลจี้พลัส

ครีมทาส้นเท้าแตก ELLGY แองจี้พลัส

ครีมทาส้นเท้าแตกที่มีส่วนประกอบสำคัญคือ แซคคาไรด์ไอโซเมอเรท ที่ช่วยคงความชุ่มชื้น ของส้นเท้าได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน และพอร์ทูลาคา ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนังชั้นไขมัน สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานกว่าครีมอื่น ๆ และยังเป็นสูตรที่มีมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น สำหรับผิวเท้า รวมทั้งยังอุดมไปด้วยกรดไขมันธรรมชาติอีกด้วย

จุดเด่น มีสารบำรุงหลายชนิด

ราคา 250 บาท

ปริมาณ 50 กรัม

3.REUNROM รื่นรมย์ ครีมทาส้นเท้าแตก กราบ อโรมาติก ฟุต ครีม

ครีมทาส้นเท้าแตก REUNROM รื่นรมย์ กราบ อโรมาติก ฟุต ครีม


ตามมาด้วยครีมบำรุงฝ่าเท้าและส้นเท้า ตัวช่วยให้ผิวเท้าเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ไร้รอยแตกด้าน และความแห้งกร้าน ด้วยสารสกัดจากออยล์ธรรมชาติถึง 13 ชนิด สารสกัดจากธรรมชาตินานาชนิด ที่ช่วยถนอมผิว ต้านแอนตี้ออกซิแดนท์ และช่วยลดโอกาสผิวเหี่ยว ทั้งสารสกัดจากแตงกวา ใบบัวบก อโลเวร่า ข้าวทั้ง 3 ชนิด นอกจากนั้นยังให้กลิ่นหอมอโรม่า ช่วยให้ผ่อนคลายอีกด้วย

จุดเด่น มีสารบำรุงหลายชนิด มีสารสกัดจากธรรมชาติ

ราคา 300 บาท

ปริมาณ 50 กรัม

4.REUNROM รื่นรมย์ ครีมทาส้นเท้าแตก กราบ อโรมาติก ฟุต บาล์ม

ครีมทาส้นเท้าแตก REUNROM รื่นรมย์ กราบ อโรมาติก ฟุต บาล์ม

อีกหนึ่งครีมทาส้นเท้าจากรื่นรมย์ สำหรับตัวนี้จะเป็นบาล์มฟื้นบำรุงฝ่าเท้า และส้นเท้า ที่ช่วยให้ผิวเท้าเนียนนุ่ม ไร้รอยแตกด้าน และความแห้งกร้าน นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บ ความชุ่มชื่นไว้ในผิวได้ยาวนาน ผสานสารสกัดจากออยล์ธรรมชาติถึง 13 ชนิด และยังมาพร้อมกับ กลิ่นหอมอโรม่า ช่วยให้ผ่อนคลายอีกด้วย สำหรับใครที่อยากบำรุงส้นเท้า พร้อมทำสปาเท้าไปด้วย ครีมตัวนี้เหมาะเลย

จุดเด่น มีสารบำรุงหลายชนิด มีสารสกัดจากธรรมชาติ

ราคา 300 บาท

ปริมาณ 45 กรัม

อย่างที่ได้บอกไปว่าอาการส้นเท้าแตกถึงแม้ว่าอาการจะไม่รุนแรง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็สร้างความรำคาญ และกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอยู่เหมือนกัน เราจึงไม่ควรละเลย ในการบำรุงส้นเท้าให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นอยู่เสมอ ด้วยการเลือกรองเท้าที่พอดี ถนอมส้นเท้า รวมไปถึงใช้ครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับส้นเท้าเป็นประจำด้วย

คำถามที่พบบ่อย

Q: ทำยังไงให้ส้นเท้าหายแตก?

A: วิธีรักษาส้นเท้าแตก ได้แก่ การใช้ครีมบำรุงเท้าที่มีส่วนผสมของยูเรีย (Urea) หรือกลีเซอรีน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว, แช่เท้าในน้ำอุ่นเพื่อทำความสะอาดและนวดเบาๆ แล้วทาครีมทันที, สวมถุงเท้าผ้าฝ้ายก่อนนอนเพื่อกักเก็บความชื้น, หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมและสารเคมีรุนแรง, และหากอาการรุนแรงหรือมีอาการเจ็บปวด ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง.

Q: สูตรแช่เท้าแตกมีอะไรบ้าง?

A: 

  1. เริ่มจากนำเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมลงในน้ำอุ่น 1 ลิตร
  2. แช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที
  3. นำเบกกิ้งโซดา 3 ส่วน มาผสมกับน้ำ 1 ส่วน และน้ำตาลทรายแดง 1 ส่วน
  4. นำมาขัดวน ๆ ให้ทั่วเท้า โดยเน้นบริเวณที่มีปัญหาส้นเท้าแตก และผิวหมองคล้ำ
  5. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และเช็ดเท้าให้แห้ง

Q: เท้าแตกขาดวิตามินอะไร?

A: ส้นเท้าแตกอาจเกิดจากการขาดวิตามินอื่นๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี หรือแร่ธาตุรอง เช่น สังกะสี และกรดไขมันจำเป็น

Q: อะไรคือสาเหตุของส้นเท้าด้าน?

A: สาเหตุ สาเหตุที่พบได้บ่อย คือ การใส่รองเท้าคับแน่นหรือหลวมไม่เหมาะกับเท้า การเดินลงน้ำหนักที่ไม่เหมาะสม หรือการใส่รองเท้าส้นสูง ทำให้มีแรงกดตรงใต้ฝ่าเท้าหรือนิ้วเท้านาน ๆ จึงเกิดการสร้างเนื้อเยื่อพังผืดแข็ง ๆ ขึ้นมารองรับจุดนั้นแทนเนื้อธรรมดา

Q: มีวิธีแก้เท้าแตกด้วยน้ําส้มสายชูอย่างไรบ้าง?

A: การใช้น้ำส้มสายชูมีประโยชน์ในการแก้ปัญหาส้นเท้าแห้งแตก เพียงแค่ผสมกับน้ำอุ่นสองส่วน น้ำส้มสายชูขาวหนึ่งส่วนสามารถใช้แช่เท้าได้

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.eucerin.co.th/skin-concerns/dry-skin/cracked-heels?srsltid=AfmBOopswtVpH71HNmfActZH0QkIyWpKR9qCMrdx9VVTqLyw1R_-jG-l

https://www.pobpad.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81

https://www.vaseline.com/th/th/articles/skin-concern/how-to-treat-cracked-heels.html


คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

15 ไอเดียแต่งตัวไปงานบวช รวมไอเดียแมตช์ยังไงให้ดูสวยแพง

Next

สิวหัวดำเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อม 6 วิธีจัดการปัญหาสิวหัวดำ

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2025
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. รังแค สัญญาณ ที่บอกว่าหนังศีรษะของคุณต้องได้รับการดูแล จริงจัง
  7. มัดรวม 3 ไอเดีย ทรงผมเวนดี้ ทรงผมสั้นสไลด์เลเยอร์ เปลี่ยนลุกให้คูลแอนด์คิวท์
  8. 10 สเปรย์ล็อคผม 2025 ล็อคผมแน่น จะทรงไหนก็เอาอยู่
  9. 10 มีดโกนผู้หญิงยี่ห้อไหนดี โกนได้ทุกส่วน ไม่บาดผิว
  10. 5 สัญญาณเตือน อาการแพ้ลิปสติก
  11. เปิดตัวน้องใหม่ Hada Labo+ จากบ้าน Hada Labo ไอเท็มเด็ดฟื้นผิวให้ Perfect หลังทุกหัตการ
*/?>