โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share

การคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้หญิงในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหรือการคุมกำเนิดวิธีอื่นล้มเหลว ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด (หรือที่หลายคนเรียกว่า “ยาคุมหลังร่วมรัก”) เป็นวิธีที่นิยมใช้ เนื่องจากใช้งานง่ายและหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยา อย่างไรก็ตาม การใช้ยาคุมฉุกเฉินควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้นและการใช้อย่างถูกวิธีมีความสำคัญอยากมากต่อประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีการใช้ ระยะเวลาที่เหมาะสม ข้อควรระวัง และการดูแลตนเองหลังใช้ยา จะช่วยให้การใช้ยาคุมฉุกเฉินเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัยที่สุด

ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด คืออะไร?

ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด เป็นวิธีการคุมกำเนิดชั่วคราวที่ใช้หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหรือเมื่อวิธีคุมกำเนิดล้มเหลว เช่น ถุงยางอนามัยแตก ยานี้ประกอบด้วยฮอร์โมนเลโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ในปริมาณสูง ซึ่งออกฤทธิ์โดยการยับยั้งหรือชะลอการตกไข่ ทำให้เยื่อบุมดลูกไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว และเปลี่ยนแปลงความหนืดของมูกในช่องคลอด ซึ่งส่งผลให้อสุจิเคลื่อนที่ได้ยากขึ้น ยานี้มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อรับประทานภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ และประสิทธิภาพจะค่อยๆ ลดลงไปจนถึง 72 ชั่วโมง

ยาคุมฉุกเฉิน มีรูปแบบใดบ้าง

ยาคุมฉุกเฉินมีหลายรูปแบบ เลือกใช้ตามความเหมาะสมและการเข้าถึง โดยทั่วไปมี 23 ประเภทหลัก ได้แก่ ยาเม็ดฮอร์โมนโปรเจสติน (เลโวนอร์เจสเตรล) ซึ่งเป็นแบบที่พบมากที่สุดในประเทศไทย มีทั้งแบบเม็ดเดียวและแบบ 2 เม็ด ต้องรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งทานเร็วยิ่งมีประสิทธิภาพสูง และยาเม็ดฮอร์โมนชนิดที่มีสาร Ulipristal acetate ซึ่งแนะนำให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมง (5 วัน) แต่แนะนำให้ใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ทั้งนี้ ยาคุมฉุกเฉินทุกประเภทเป็นทางเลือกสำหรับป้องกันการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน แต่ไม่ควรใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดประจำ

วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ให้ได้ผลดีที่สุด

ระยะเวลาที่เหมาะสม

  • ควรกินภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์
  • สามารถกินได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมง (3 วัน) แต่ยิ่งทิ้งช่วงนาน ประสิทธิภาพจะยิ่งลดลง
  • ยิ่งกินเร็ว ประสิทธิภาพยิ่งสูง

วิธีการกินที่ถูกต้อง

  1. กินยาทันทีที่นึกได้หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
  2. กินพร้อมน้ำเปล่า 1 แก้ว
  3. สามารถกินได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร
  4. หากอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังกินยา ให้กินซ้ำทันที

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

การกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด อาจมีผลข้างเคียงดังนี้:

1. คลื่นไส้ อาเจียน

ฮอร์โมนในยาคุมฉุกเฉินอาจกระตุ้นอาการคลื่นไส้และอาเจียนในผู้ใช้บางราย โดยอาการมักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการรับประทานยา จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าประมาณ 10-20% ของผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินมีอาการคลื่นไส้ และ 1-5% มีอาการอาเจียน หากมีอาการอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยา อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณารับประทานยาเม็ดใหม่ เนื่องจากยาอาจถูกขับออกมาก่อนที่ร่างกายจะดูดซึมได้อย่างเพียงพอ

2. ปวดท้องน้อย

อาการปวดท้องน้อยเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เนื่องจากฮอร์โมนในยาคุมฉุกเฉินส่งผลต่อกล้ามเนื้อเรียบในอุ้งเชิงกราน อาการมักเป็นลักษณะปวดตื้อ ๆ คล้ายอาการปวดประจำเดือน ไม่รุนแรงและหายไปเองภายใน 1-2 วัน สามารถใช้ยาแก้ปวดพาราเซตามอลสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดรุนแรง ปวดเฉพาะที่ หรือปวดร่วมกับอาการอื่น เช่น ไข้ อาเจียน อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่ต้องพบแพทย์

3. เวียนศีรษะ

อาการเวียนศีรษะหรือมึนงงอาจเกิดขึ้นได้หลังการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน เนื่องจากผลของฮอร์โมนต่อระบบประสาทส่วนกลางและระบบหลอดเลือด อาการมักไม่รุนแรงและหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง ในระหว่างที่มีอาการ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือการทำงานที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง ควรนั่งหรือนอนพักในที่เย็นและดื่มน้ำให้เพียงพอ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์

4. ประจำเดือนมาผิดปกติ

ยาคุมฉุกเฉินอาจส่งผลให้รอบเดือนมาเร็วหรือช้ากว่าปกติประมาณ 1 สัปดาห์ บางรายอาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน หรือมีปริมาณเลือดที่มากหรือน้อยกว่าปกติในรอบถัดไป การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากผลของฮอร์โมนต่อเยื่อบุโพรงมดลูกและการตกไข่ ซึ่งจะกลับสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 รอบเดือน หากไม่มีประจำเดือนภายใน 3 สัปดาห์หลังรับประทานยา ควรตรวจการตั้งครรภ์และปรึกษาแพทย์

5. เต้านมคัดตึง

ฮอร์โมนในยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้เกิดอาการเต้านมคัดตึง เจ็บ หรือรู้สึกไวต่อการสัมผัสมากกว่าปกติ อาการเหล่านี้เกิดจากผลของฮอร์โมนต่อเนื้อเยื่อเต้านม คล้ายกับอาการที่อาจเกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือน อาการมักหายไปเองภายใน 2-3 วัน การประคบเย็นหรือการสวมเสื้อชั้นในที่กระชับพอดีอาจช่วยบรรเทาอาการได้ หากเต้านมมีอาการผิดปกติอื่น เช่น มีก้อน บวมแดง หรือมีของเหลวออกจากหัวนม ควรปรึกษาแพทย์

6. อ่อนเพลีย

ความรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หรือไม่มีแรงเป็นผลข้างเคียงที่พบได้หลังการใช้ยาคุมฉุกเฉิน เนื่องจากฮอร์โมนมีผลต่อระบบเมตาบอลิซึมและการทำงานของระบบประสาท อาการมักไม่รุนแรงและหายไปเองภายใน 1-2 วัน การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น แต่ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วงนี้ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง

ข้อควรระวังในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน

ห้ามใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดในกรณีใดบ้าง

1. กำลังตั้งครรภ์

ยาคุมฉุกเฉินไม่ควรใช้ในผู้ที่ทราบหรือสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากไม่มีประโยชน์ในการยุติการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ยาคุมฉุกเฉินออกแบบมาเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์โดยการยับยั้งหรือชะลอการตกไข่ ไม่ใช่เพื่อทำลายไข่ที่ถูกผสมแล้ว แม้ว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ายาคุมฉุกเฉินจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทารกในครรภ์ แต่เพื่อความปลอดภัย จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ หากสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์ก่อนใช้ยา

2. มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของยา

ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบใด ๆ ในยาคุมฉุกเฉิน ไม่ควรใช้ยาดังกล่าว การแพ้ยาอาจมีความรุนแรงตั้งแต่เล็กน้อย เช่น ผื่นคัน จนถึงอาการรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น ภาวะ anaphylaxis ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้งก่อนรับยา และศึกษาส่วนประกอบของยาในเอกสารกำกับยาอย่างละเอียด หากเคยมีอาการแพ้ยาคุมกำเนิดชนิดใดชนิดหนึ่งมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาคุมฉุกเฉิน

3. มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

สตรีที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉิน เนื่องจากยาอาจบดบังอาการของภาวะผิดปกติบางอย่าง เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก เนื้องอกมดลูก หรือมะเร็งปากมดลูก ซึ่งอาจมีอาการนำเป็นเลือดออกผิดปกติ นอกจากนี้ ฮอร์โมนในยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้อาการเลือดออกรุนแรงขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของเลือดออกผิดปกติก่อนพิจารณาใช้ยาคุมฉุกเฉิน

4. เป็นโรคตับรุนแรง

ผู้ที่มีโรคตับรุนแรงหรือเคยเป็นโรคตับมาก่อน ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉิน เนื่องจากการใช้ยาในผู้ที่มีการทำงานของตับบกพร่องอาจทำให้ระดับยาในเลือดสูงเกินไป เพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้ ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในยาคุมกำเนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะตับอักเสบหรือเพิ่มความรุนแรงของโรคตับที่มีอยู่เดิม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกอื่นในการคุมกำเนิดฉุกเฉิน

ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดบ่อย เพราะ

1. ประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำกว่ายาคุมปกติ

ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ต่ำกว่ายาคุมกำเนิดแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาคุมฉุกเฉินชนิดที่มีเลโวนอร์เจสเตรลมีอัตราความสำเร็จในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 85% ในขณะที่ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนที่ใช้อย่างถูกต้องมีประสิทธิภาพสูงถึง 99% การใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้งจึงเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เมื่อเทียบกับการใช้วิธีคุมกำเนิดแบบปกติอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดจะลดลงหากใช้ไม่ทันภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์

2. มีผลข้างเคียงมากกว่า

ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดมีความเข้มข้นของฮอร์โมนสูงกว่ายาคุมกำเนิดแบบรายเดือนหลายเท่า ทำให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงมากกว่า ทั้งอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปวดท้อง และความผิดปกติของรอบเดือน การใช้ยาคุมฉุกเฉินซ้ำบ่อย ๆ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การใช้ยาคุมกำเนิดแบบปกติอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเหล่านี้ลงได้มาก เนื่องจากปริมาณฮอร์โมนที่ได้รับในแต่ละวันจะต่ำกว่าและสม่ำเสมอกว่า

3. อาจส่งผลต่อการตกไข่และรอบเดือน

การใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดบ่อย ๆ อาจรบกวนการทำงานของระบบสืบพันธุ์ ทำให้รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ทั้งในแง่ของระยะเวลาและปริมาณเลือดที่ออก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ในระยะยาว นอกจากนี้ การใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการตกไข่ ทำให้ยากต่อการคาดการณ์ช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์สูง ส่งผลให้การวางแผนครอบครัวในอนาคตทำได้ยากขึ้น ผู้หญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ในอนาคตอันใกล้ควรใช้วิธีคุมกำเนิดแบบปกติแทนการพึ่งพายาคุมฉุกเฉิน

4. ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดมีคุณสมบัติเพียงป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใด ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น HIV, ไวรัสตับอักเสบ, หนองใน, หนองในเทียม, ซิฟิลิส, เริม หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันแล้วพึ่งพายาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดเพียงอย่างเดียวจึงยังมีความเสี่ยงสูงต่อการติดโรค การใช้ถุงยางอนามัยร่วมกับวิธีคุมกำเนิดแบบปกติจะให้การป้องกันที่ครอบคลุมทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์?

ควรพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการต่อไปนี้หลังกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด:

1. ปวดท้องรุนแรง

อาการปวดท้องรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อยหรือบริเวณอุ้งเชิงกราน อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร่งด่วน ความแตกต่างระหว่างอาการปวดท้องทั่วไปที่เป็นผลข้างเคียงของยากับอาการที่ผิดปกติคือ ความรุนแรงและลักษณะของอาการปวด โดยอาการปวดที่ผิดปกติมักจะรุนแรงเฉียบพลัน และปวดเป็นจุดเฉพาะที่ อาจร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น มีไข้ หน้ามืด เป็นลม คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง หรือมีเลือดออกทางช่องคลอด

2. เลือดออกผิดปกติ

แม้ว่าการมีเลือดออกผิดปกติหลังใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย แต่หากมีลักษณะผิดปกติ เช่น เลือดออกมากกว่าปกติมาก (เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 1-2 ชั่วโมง), มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่, เลือดออกนานเกิน 7 วัน, หรือมีอาการปวดท้องรุนแรงร่วมด้วย ควรพบแพทย์โดยเร็ว เลือดออกผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของการแท้งบุตร, การตั้งครรภ์นอกมดลูก, หรือภาวะผิดปกติของระบบสืบพันธุ์อื่น ๆ การตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์จะช่วยแยกภาวะเหล่านี้ออกจากผลข้างเคียงปกติของยาได้

3. อาเจียนรุนแรง

อาการอาเจียนเล็กน้อยเป็นผลข้างเคียงทั่วไปของยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด แต่หากมีอาการอาเจียนรุนแรง ไม่สามารถรับประทานอาหารหรือน้ำได้ และเกิดภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อยลงหรือสีเข้ม วิงเวียน อ่อนเพลียมาก ควรพบแพทย์โดยเร็ว

4. ไม่มีประจำเดือนภายใน 3 สัปดาห์หลังกินยา

หากไม่มีประจำเดือนภายใน 3 สัปดาห์หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์และปรึกษาแพทย์ การไม่มีประจำเดือนอาจเป็นสัญญาณว่า ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดไม่ได้ผลและอาจเกิดการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะหากมีอาการอื่น ๆ ของการตั้งครรภ์ร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ในตอนเช้า เต้านมคัดตึง อ่อนเพลียผิดปกติ หรืออารมณ์แปรปรวน แม้ว่าการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเองจะให้ผลลบ แต่หากยังไม่มีประจำเดือนติดต่อกันนานเกิน 3 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

ทางเลือกในการคุมกำเนิดที่ดีกว่า

แทนที่จะพึ่งพายาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ควรพิจารณาวิธีคุมกำเนิดแบบปกติ เช่น:

1. ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน

ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 99% หากใช้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ มีทั้งแบบฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจนและโปรเจสติน) และแบบโปรเจสตินอย่างเดียว ข้อดีคือช่วยทำให้รอบเดือนสม่ำเสมอ ลดอาการปวดประจำเดือน และอาจช่วยลดสิว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์อื่น ๆ เช่น รักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) การใช้ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนต้องรับประทานในตามเวลาเดียวกันทุกวัน และอาจมีผลข้างเคียงในช่วงแรก เช่น คลื่นไส้ ปวดศีรษะ หรือเลือดออกกะปริบกะปรอย

2. ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ไม่ต้องใช้ฮอร์โมน และเป็นวิธีเดียวที่สามารถป้องกันทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากใช้อย่างถูกต้องทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 98% แต่ในทางปฏิบัติ ด้วยข้อผิดพลาดในการใช้ ประสิทธิภาพจริงอาจลดลงเหลือประมาณ 85-90% ข้อดีของถุงยางอนามัยคือหาซื้อได้ง่าย ไม่ต้องพบแพทย์ ไม่มีผลข้างเคียงจากฮอร์โมน และสามารถใช้ร่วมกับวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วย

สรุป

วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ที่ถูกต้องคือการกินยาเร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน แต่ควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อวางแผนการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวคุณ

หมายเหตุ: บทความนี้ใช้เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ได้ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม กรุณาปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ปรึกษาเรื่องสุขภาพ และการใช้ยากับเภสัช
Previous

รวม 10 ไอเทม ลดรอยสิวรอยดำรอยแดงให้หายขาดภายใน 7 วัน

Next

ไอแห้ง VS ไอมีเสมหะ ควรเลือกใช้ยาแก้ไอแบบไหนให้ออกฤทธิ์ตรงอาการ

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2025
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. รวมวิธีรักษาสิวอุดตัน ต้อนรับผิวใสได้ด้วยตัวเอง
  7. รวม 10 ไอเทม ลดรอยสิวรอยดำรอยแดงให้หายขาดภายใน 7 วัน
  8. สมุนไพรแก้ไอมีอะไรบ้าง ? พร้อมการทานยาสมุนไพรแก้ไอขับเสมหะอย่างถูกวิธี
  9. วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด กินอย่างไรให้ได้ผลและปลอดภัยที่สุด
  10. ไอแห้ง VS ไอมีเสมหะ ควรเลือกใช้ยาแก้ไอแบบไหนให้ออกฤทธิ์ตรงอาการ
  11. กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มาภายใน 7 วัน อาจไม่ได้แปลว่า 'ท้อง' เสมอไป
*/?>