โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share

รังแค เรียกได้ว่าเป็นปัญหาสภาพที่อาจไม่รุนแรง เป็นอันตรายมากเท่าไร แต่ก็กวนใจอยู่ไม่น้อย เพราะทั้งอาการคัน รวมไปถึงแผ่นผิวหนังที่หลุดร่วง ทำให้สุขภาพผมและหนังศีรษะอ่อนแอ และยังทำให้เสียบุคลิก เสียความมั่นใจไปได้ด้วย บทความนี้วัตสันเลยมีวิธีรับมือกับรังแคมาแบ่งปันกันด้วย จะเป็นยังไง ลองตามไปดูกันต่อในบทความได้เลย

รังแค คืออะไร

รังแคเป็นอาการผื่นผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่ง มีอาการผิวหนังลอก เป็นขุย และอาจมีอาการแดงหรือคัน มีความรุนแรงแตกต่างกันไป มักจะพบบ่อยบริเวณแนวไรผม ใบหู คิ้ว ข้างจมูก และหน้าอก ส่วนมักจะเกิดในคนที่มีผิวมันมากกว่าสภาพผิวอื่น ๆ

รังแค อาการเป็นอย่างไร

อาการของรังแคค่อนข้างจะคล้ายกับอาการหนังศีรษะแห้ง ทำให้หลายคนเข้าใจผิดอาการรังแคและหนังศีรษะ แต่จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ซึ่งอาการของรังแคสามารถสังเกตได้ ดังนี้

  • มีขุยหรือสะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ หลุดลอกเป็นแผ่น
  • มีอาการคันหนังศีรษะ
  • หนังศีรษะแห้งหรือมัน

รังแคเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

1. หนังศีรษะเสียสมดุล

เมื่อหนังศีรษะเสียสมดุลจะทำให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป หรือมันจนเกินไป ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย และเมื่อหนังศีรษะแห้งหรือมันจนเกินไป มีส่วนทำให้เกิดรังแคเป็นแผ่นอาจทำให้เกิดอาการคัน ผมร่วง ระคายเคืองหนังศีรษะตามมาได้

2. ยีสต์

สาเหตุหนึ่งของรังแคอาจมีส่วนมาจากยีสต์หรือเชื้อราเล็ก ๆ ที่เรียกว่า Malassezia spp. ซึ่งเป็นเชื้อกลุ่มเดียวกับโรคเกลื้อน เชื้อรากลุ่มนี้ทำให้หนังศีรษะอักเสบจนเกิดเป็นรังแค ซึ่งความรุนแรงของรังแคนั้นขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันหรือร่างกายของแต่ละคนด้วย

3. ร่างกายอ่อนแอ

เมื่อร่างกายอ่อนแอลง อาจจะเกิดสาเหตุมาจากการนอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ค่อยออกกำลังกาย ร่างกายขาดสารอาหารหรือวิตามิน ฯลฯ สาเหตุเหล่านี้มีส่วนทำให้ร่างกายอ่อนแอ ส่งผลให้ผิวหนังรวมถึงหนังศีรษะไม่แข็งแรง ทำให้เกิดรังแคขึ้นได้

4. โรคผิวหนัง

โรคผิวหนังบางชนิด เช่น เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) สะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือโรคผิวหนังอักเสบ ฯลฯ เป็นโรคผิวหนังที่มีอาการผิวลอกเป็นแผ่น ๆ อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแคขึ้นได้ด้วย และกลุ่มโรคเหล่านี้เป็นโรคผิวหนังอย่างหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษา

5. ความไม่สมดุลทางฮอร์โมน

รังแคอาจเกิดมาจากความไม่สมดุลทางฮอร์โมน เนื่องจากเมื่อร่างกายมีระดับฮอร์โมนแบบไม่คงที่ จะส่งผลต่อการทำงานของต่อมภายในร่างกาย ร่วมทั้งต่อมไขมัน โดยจะทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติตามมา และอาจทำให้เป็นรังแคขึ้นมาได้

6. ต่อมไขมันใต้หนังศีรษะผลิตน้ำมันมากเกินไป

นอกจากเรื่องความไม่สมดุลของฮอร์โมน ยังมีสาเหตุของต่อมไขมันใต้หนังศีรษะผลิตน้ำมันมากเกินไป เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกิน จะส่งผลให้มีการกระตุ้นเชื้อรา จนมีการเจริญเติบโตที่เร็วกว่าปกติ และทำให้เกิดเป็นรังแคขึ้นมาได้

7. การมีผิวและหนังศีรษะที่แห้ง

สำหรับการมีผิวและหนังศีรษะที่แห้ง เป็นผลทำให้ผิวอาจเกิดการผลัดผิวเร็วเกินไป จนตกสะเก็ดหลุดลอกออกมาเป็นแผ่น ๆ และอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา เช่นหนังศีรษะแห้งจนลอกเป็นแผ่นบางเล็ก ๆ หรือเกิดเป็นรังแคตามมาได้

8. ไม่ค่อยสระผม

เวลาที่เราไม่ได้สระผมจะทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนหนังศีรษะเพิ่มขึ้น มีส่วนทำให้เกิดการสะสมของรังแคเพิ่มตามด้วย นอกจากนั้นยังอาจจะทำให้ผิวหนังศีรษะอักเสบ ทำให้เกิดสิวและผื่นขึ้นมาได้ด้วย

9. การใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม

การใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เช่น มูส สเปรย์ เจล ฯลฯ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอยู่ด้วย ซึ่งสารเคมีเหล่านั้นอาจจะมีส่วนทำให้เกิดความระคายเคืองกับหนังศีรษะ และเมื่อหนังศีรษะเกิดอาการระคายเคือง ก็อาจจะทำให้เกิดการอักเสบ และเป็นรังแคขึ้นได้

10. ขาดสารอาหารบางประเภท

นอกจากเรื่องของการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะแล้ว เรื่องของอาหารการกินก็มีส่วนทำให้เกิดรังแค เพราะรังแคอาจจะเกิดขึ้นได้ เมื่อขาดสารอาหารบางประเภท เช่น ขาดวิตามินบี ซิงก์ (สังกะสี) ที่ป็นวิตามินเสริมที่ช่วยในเรื่องการเสริมสร้างความแข็งแรงของเส้นผม เล็บ และผิวหนัง รวมไปถึงโอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันอาการอักเสบของรูขุมขนและทำให้หนังศีรษะแข็งแรง ช่วยป้องกันผมร่วงด้วย

11. ความเครียด

ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหาร เรื่องสุขภาพจิตก็มีส่วนทำให้เกิดรังแคขึ้นได้ อย่างเวลามีความเครียด ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดรังแคได้ เนื่องจากความเครียดจะส่งผลทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวนจนขาดความสมดุล รวมไปถึงทำให้หนังศีรษะเสียสมดุล และเกิดรังแคขึ้นได้

12. ดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็มีส่วนทำให้เกิดรังแคได้เหมือนกัน เพราะแอลกอฮอล์มีส่วนทำให้หนังศีรษะแห้ง ไม่ชุ่มชื้น ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป กระตุ้นให้เกิดรังแคขึ้นมาได้ด้วย

รังแคเกิดจากหนังศีรษะเสียสมดุล

การวินิจฉัยอาการรังแค

สำหรับการวินิจฉัยอาการรังแค เบื้องต้นแพทย์จะซักถามประวัติสุขภาพ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดเส้นผม ประวัติการใช้ยา และตรวจดูหนังศีรษะ ในกรณีที่มีรังแคมากผิดปกติอาจจะมีการตรวจหาเชื้อยีสต์ เพิ่มเติมโดยนำตัวอย่างรังแคไปตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ด้วย ซึ่งอาการของรังแคส่วนใหญ่จะมีลักษณะ ดังนี้

อาการของรังแคที่พบได้ทั่วไป

  • หนังศีรษะแห้ง

อาการหนังศีรษะแห้งจากรังแค มักจะมีสะเก็ดสีขาวหรือเหลือง ลักษณะเป็นแผ่นแบนและบางมันวาว มักพบบริเวณหนังศีรษะ เส้นผม หรือไหล่ แตกต่างจากหนังศีรษะที่หลุดลอกจากสาเหตุของความแห้งจะมีสีขาว และ มีขนาดที่เล็กกว่าสาเหตุที่มาจากรังแค

  • อาการคัน

เมื่อหนังศีรษะมีอาการระคายเคือง ก็จะมีปฏิกิริยาตอบกลับเช่นเดียวกับผิวหนังส่วนอื่นๆ ในร่างกาย นั่นก็คืออาการคัน ซึ่งเมื่อเกิดรังแคและมีอาการคัน ไม่แนะนำให้เกา เพราะเพราะการเกาจะยิ่งทำให้หนังศีรษะอักเสบและระคายเคือง ทำให้ปัญหารังแคยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นได้

  • สะเก็ดสีขาวหรือเหลือง

สะเก็ดของรังแคมักจะมีสีขาวหรือเหลือง ลักษณะเป็นแผ่นแบนและบางมันวาว มักพบบริเวณหนังศีรษะ เส้นผม หรือไหล่ ซึ่งจะแตกต่างจากอาการหนังศีรษะแห้ง ที่เป็นแค่สะเก็ดสีขาว และมีขนาดเล็กกว่า สะเก็ดสีขาวหรือเหลืองเกิดขึ้นบนหนังศีรษะ นับเป็นอาการบ่งชี้ที่เด่นชัดที่สุด ซึ่งทำให้สันนิษฐานได้ในทันทีว่าน่าจะเป็นรังแค

สะเก็ดของรังแคมักจะมีสีขาวหรือเหลือง

วิธีการรักษารังแคบนหนังศีรษะมีอะไรบ้าง

1. ใช้แชมพูที่เหมาะสมกับหนังศีรษะ

ปัญหารังแคทำให้หนังศีรษอ่อนแอ เมื่อเป็นรังแคจึงควรเลือกแชมพูให้ดีที่สุด และเหมาะกับหนังศีรษะ หรือเป็นสูตรสำหรับรักษารังแคโดยเฉพาะ ที่มีส่วนผสมตัวยา เช่น คีโตโคนาโซล ซิงค์ไพรีไทออน ซิลิเนียม ซัลไฟด์ รวมไปถึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหารังแคและหนังศีรษะก่อนใช้ด้วย

2. หลังสระผมควรเช็ดผมให้แห้งทุกครั้ง

เมื่อหนังศีรษะไม่แห้งสนิท มีความชื้นอาจทำให้หนังศีรษะเสียสมดุล จนทำให้ผลิตน้ำมันออกมามากจนเกินไป ทำให้เกิดรังแคขึ้น จึงควรเช็ดผมให้แห้งทุกครั้ง โดยใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดค่อย ๆ ซับเบา ๆ ที่ผมให้แห้ง หรือปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติก็ได้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความอับชื้นที่อาจจะเป็นต้นเหตุการเกิดของเชื้อรา และควรหลีกเลี่ยงการขยี้ผมแรง ๆ ด้วย

3. หวีผมเบา ๆ และใช้หวีที่มีซี่ห่างกัน

การหวีผมเบา ๆ และใช้หวีที่มีซี่ห่างกัน จะช่วยถนอมหนังศีรษะและเส้นผม โดยให้เริ่มหวีจากบริเวณรากผมไปตามความยาวของเส้นผม เพื่อเป็นการกระจายน้ำมันจากหนังศีรษะไปหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นให้ทั่วเส้นผม ไม่ควรใช้หวีที่มีความแข็งและซี่ถี่เกินไป เพราะอาจจะเกิดการดึงเส้นผมที่แรง จนทำให้หนังศีรษะเกิดแผลและรังแค

4. รักษาความสะอาดหนังศีรษะแบบมีสมดุล

สาเหตุหนึ่งของรังแค เกิดจากหนังศีรษะเสียสมดุลจะทำให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป หรือมันจนเกินไป จึงควรดูแลสมดุลหนังศีรษะให้ดี ด้วยการสระผมช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสระผมคือสระ 2-3 ครั้ง / สัปดาห์ และไม่ควรเว้นเวลาสระนานเกินไป อาจทำให้หนังศีรษะมันจนเกินไปจนเกิดรังแคได้

5. หลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำอุ่น และการใช้ไดร์เป่าผมที่ร้อนเกินไป

การสระผมด้วยน้ำอุ่น และการใช้ไดร์เป่าผมที่ร้อนเกินไป เป็นการใช้ความร้อนกับเส้นผมและหนังศีรษะ มีส่วนทำให้หนังศีรษะและเส้นผมแห้ง หลุดลอก และอ่อนแอจนเกิดรังแคขึ้นได้ จึงควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติในการอาบน้ำสระผม และใช้ไดร์เป่าผมลมเย็นเพื่อรักษาความชุ่มชื้น

6. หลีกเลี่ยงการเกาหนังศีรษะ

อาการของรังแคส่วนหนึ่งจะมีอาการคันร่วมด้วย แต่ไม่ควรเกา แกะ หนังศีรษะเด็ดขาด รวมถึงการสระผมแล้วเกาหรือขยี้แรง ๆ เพราะอาจทำให้หนังศีรษะเป็นแผล ทำให้หนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอ มีส่วนทำให้อาการของรังแครุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย

7. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับหนังศีรษะ

การใช้สารเคมีกับหนังศีรษะเช่น การทำสี การยืด การดัดผม การใช้สเปย์ฉีดผมหรือมูส ฯลฯ ก็มีส่วนมาก ๆ ที่ทำให้เกิดรังแคขึ้น โดยจะทำให้เกิดสารเคมีสะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองแก่หนังศีรษะได้ จึงควรเลี่ยงการใช้สารเคมีกับหนังศีรษะไปก่อน

8. หมั่นรักษาความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้กับผมหรือศีรษะ

นอกจากการดูแลรักษาความสะอาดของหนังศีรษะและเส้นผมให้มีสมดุลที่ดี ก็ควรดูแลรักษาความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้กับผมหรือศีรษะเป็นประจำด้วย เช่น ทำความสะอาดหมอน หรือปลอกหมอน หรือหมวกกันน๊อกเป็นประจำ หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยลดการสะสมของเชื้อรา

9. กำจัดรังแคด้วยสูตรจากธรรมชาติ

อย่างที่บอกไปว่าการใช้สารเคมีกับหนังศีรษะและเส้นผม อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองแก่หนังศีรษะ และทำให้เกิดรังแคขึ้นได้ ลองกำจัดรังแคด้วยสูตรจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก นำมาชโลมลงบนศีรษะก่อนนอน ว่านหางจระเข้ นำส่วนที่เป็นวุ้นมาชโลมจนทั่วศีรษะอยู่เป็นประจำ หรือใช้น้ำมะนาวและน้ำมันมะพร้าว นำไปผสมกับน้ำอุ่น นำไปชโลมลงบนศีรษะจนทั่ว นวดคลึงไปพร้อมๆ กัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วสระผมออกด้วยแชมพูตามปกติ จะช่วยกำจัดเชื้อราและทำให้เส้นผมและหนังศีรษะชุ่มชื้น

สระผมด้วยแชมพูขจัดรังแค

วิธีป้องกันการเกิดรังแค

วิธีรักษาอาการรังแคก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่าง ส่วนใครไม่อยากเป็นรังแค สามารถป้องกันการเกิดรังแคได้ด้วยวิธี ดังนี้

  • สระผมด้วยแชมพูขจัดรังแคเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการระคายเคืองและไม่ให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป แต่ไม่ควรสระผมบ่อยจนเกินไป
  • เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม และหนังศีรษะที่มีส่วนประกอบของสารเคมี ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์หรือสารฟอกขาว เพราะส่วนผสมดังกล่าวสามารถทำให้หนังศีรษะแห้งได้ รวมถึงหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดความมันบนหนังศีรษะ จนเกิดเป็นรังแค
  • ควรออกไปสัมผัสกับแสงแดดเล็กน้อยเป็นประจำทุกวัน เพราะแสงแดดอาจช่วยควบคุมการเกิดรังแคได้ แต่ควรใช้ครีมกันแดดปกป้องผิวทุกครั้งก่อนออกแดดด้วย 
  • หาทางจัดการกับความเครียด เนื่องจากความเครียดเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดรังแคหรือทำให้มีอาการที่แย่ลง และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม ดังนั้นควรหาทางจัดการกับความเครียดด้วยวิธีผ่อนคลายต่าง ๆ เช่น การฝึกหายใจ โยคะ หรือการทำสมาธิ เป็นต้น

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์

สำหรับอาการรังแคที่รักษาทุกวิธีกำจัดรังแคแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้น อาจเป็นสัญญาณของอาการเกิดรังแคเรื้อรัง หรือมีสาเหตุของการเกิดรังแคที่ไม่ได้มาจากการขาดสมดุลของน้ำมันบนหนังศีรษะ ถ้าเกิดรักษารังแคด้วยตัวเองแล้วไม่ดีขึ้นเป็นเวลา 1 เดือน รังแคยังไม่ลดลง อาจต้องเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหาสาเหตุของรังแค วินิจฉัย และวางแผนการรักษาต่อไป

รังแคไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผมร่วงโดยตรง แต่ก็มีส่วนทำให้ผมร่วง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรังแค

1. รังแคทำให้ผมร่วง ผมบางได้ด้วยจริงไหม?

รังแคไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผมร่วงโดยตรง แต่ก็มีส่วนทำให้ผมร่วงได้ เนื่องจากนังศีรษะเสียสมดุล แห้ง อักเสบและคันมากกว่าปกติ โดนเสียดสีจากการเกาบ่อยๆ จะทำให้รากผมยิ่งอ่อนแอและทำให้เส้มผมหลุดร่วง เป็นสาเหตุให้เกิดผมร่วงขึ้นได้ด้วย

2. การแคะ หรือเกาให้รังแคหลุดออกจากหนังศีรษะ จะช่วยทำให้รังแคลดลง?

การแคะ หรือเกาให้รังแคหลุดออกจากหนังศีรษะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะการเกาจะยิ่งทำให้หนังศีรษะอักเสบและระคายเคือง และที่ร้ายไปกว่านั้นคือทำให้อาการของรังแครุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย แนะนำให้ดูแลหนังศีรษะด้วยการใช้แชมพูที่มีสารสำคัญดูแลหนังศีรษะและลดอาการคัน ร่วมกับการไม่สระผมบ่อยเกินไป หรือทำให้หนังศีรษะอับชื้น จึงจะเป็นการช่วยทำให้รังแคลดลงได้

3. เมื่อมีรังแค จำเป็นต้องพบแพทย์หรือไม่?

สำหรับปัญหารังแคทั่วไป สามารถรักษาให้หายหรือลดลงได้เอง แต่ถ้าเกิดมีปัญหารังแคเรื้อรัง พยายามรักษาเป็นระยะเวลา 1 เดือนแล้ว รังแคไม่หายและไม่ลดลง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษารังแคให้ตรงจุด เนื่องจากสาเหตุการเกิดรังแคนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย จำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยเพื่อทำการรักษารังแคต่อไป

4. เป็นรังแคต้องสระผมบ่อยๆ ถึงจะช่วยลดรังแคได้ จริงไหม?

ถึงแม้ว่าการสระผมบ่อยๆ จะช่วยชำระล้างหนังศีรษะให้สะอาดและขจัดรังแคที่หลุดลอกเป็นแผ่น หรือเป็นขุยขาวบนหนังศีรษะได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสระผมบ่อยเกินไปมีส่วนทำให้เกิดรังแคได้ด้วยเหมือนกัน เพราะหนังศีรษะที่สูญเสียความชุ่มชื่น จะยิ่งกระตุ้นการผลิตไขมันออกมาทดแทน  ทำให้หนังศีรษะมีความมันและความชื้นมากเกินไป และเกิดการสะสมของเชื้อรา ทำให้เกิดการหลุดลอกของผิวหนัง หรือมีรังแคเพิ่มขึ้น แนะนำให้สระผมประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว 

5. เป็นรังแคแล้วใช้แชมพูทั่วไปไม่ได้หรือ?

รังแคเกิดจากทั้งความไม่สมดุลของหนังศีรษะ และในแชมพูหรือยาสระผมทั่วไปไม่มีส่วนผสม หรือสารสำคัญที่ช่วยดูแลหนังศีรษะและดูแลปัญหารังแคได้อย่างตรงจุด เลยทำให้บางครั้งการใช้แชมพูทั่วไปยิ่งทำให้เกิดรังแคเพิ่มมากขึ้น หรือมีอาการที่แย่ลง จึงควรเลือกแชมพูสูตรเฉพาะสำหรับหนังศีรษะที่เป็นรังแค หรือแชมพูขจัดรังแคที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เพื่อดูแลหนังศีรษะและรังแคอย่างเหมาะสม

ปัญหารังแคเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจ นอกจากจะทำร้ายหนังศีรษะและเส้นผมให้เสื่อมสภาพ แผ่นรังแคที่หลุดร่วง หรือาการคัน อาจจะทำให้เสียบุคลิก ทำให้เสียความมั่นใจไปได้ด้วย จึงควรรักษาและดูแลหนังศีรษะและเส้นผมจากปัญหารังแคให้เหมาะสม ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผม รวมไปถึงเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับแก้ปัญหารังแค หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ซึ่งที่ Watsons มีให้เลือกมากมาย สามารถไปช้อปได้ทั้งในร้านค้าและออนไลน์ได้เลย

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.bedee.com/articles/wellness/dandruff
https://www.eucerin.co.th/skin-concerns/scalp-and-hair-problems/dandruff-cause?srsltid=AfmBOooYZ6o-WQiyHYpTwp-DHXKhEKm1lWFo-8_GMjAAcIQ5PWtYriuO
https://hdmall.co.th/blog/health/dandruff-causes-symptoms/
https://www.pobpad.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%84

Previous

ทากันแดด ช่วยป้องกันริ้วรอย จุดด่างดำได้จริงหรือ??

Next

ขนคุดเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาขนคุดอย่างไรให้ผิวเรียบเนียน

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2025
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. AHA BHA คืออะไร ต่างกันอย่างไร ช่วยให้หน้ากระจ่างใสไร้สิวได้จริงไหม
  7. 10 สบู่ล้างหน้า ลดสิว ให้ผิวสะอาดกระจ่างใส
  8. ผิวลอก รู้จักโรคเซ็บเดิร์ม คืออะไร – รวมสาเหตุ อาการ และวิธีดูแลรักษาให้ดีขึ้น
  9. ผื่นแพ้อากาศ ผื่นคันแพ้ฝุ่น ดูแลรักษาอย่างไร
  10. สิวที่หลัง เกิดจากอะไร รอยสิวที่หลังรักษาอย่างไร
  11. แบรนด์เมกอัปพี่สาวจีนตัวดัง JUDYDOLL เข้าไทยแล้ว
*/?>