โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share

‘อาการเวียนศีรษะ’ เป็นหนึ่งในอาการทางร่างกายที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่อยากพบเจอกับตนเอง เพราะเป็นอาการที่จะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว พะอืดพะอม และยังต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะฟื้นตัว และทำให้รู้สึกกลับมาปกติได้  แต่ทั้งนี้ ‘อาการเวียนศีรษะ’ ก็เป็นตัวบ่งชี้ถึงความผิดปกติของร่างกาย เป็นเหมือนสัญญาณเตือนว่าร่างกายอาจจะมีความผิดปกติบางอย่าง หากใครกำลังประสบปัญหาวิงเวียนศีรษะระหว่างวัน ‘วัตสัน’ จะชวนมา recheck หาสาเหตุอาการวิงเวียนศีรษะ พร้อมเสิร์ฟว่าเวียนหัวกินอะไรหาย ว่ารับรองว่าช่วยได้แน่นอน

อาการปวดหัว (Headache) หรือปวดศีรษะ คือ?

อาการปวดหัวตื้อ ๆ หนัก ๆ เป็นลักษณะอาการปวดที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งบริเวณศีรษะ ซึ่งการปวดหัวมีอาการหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น ปวดตื้อ ๆ ปวดแปล๊บ ๆ ปวดตุบ ๆ หรือปวดจี๊ด ๆ เนื่องจากสาเหตุของปวดหัวมีได้หลากหลาย ตั้งแต่ความเครียด กล้ามเนื้อตึงตัว ไปจนถึงโรคที่รุนแรงกว่า เช่น เนื้องอกในสมองขึ้นได้ อาการปวดหัวบางชนิดอาจมีสาเหตุจากโรคร้ายแรงในสมองที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เมื่อมีอาการปวดหัวที่รุนแรง แนะนำให้ควรรีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด

สาเหตุของอาการเวียนหัวระหว่างวัน

พักผ่อนไม่เพียงพอ

แน่นอนว่าปัจจุบันเราต้องทำงานแข่งกับเวลา ในเมื่อเวลาเท่าเดิมแต่งานมีมากขึ้น ก็อาจจะส่งผลให้การทำงานเบียดบังเวลานอน เมื่อร่างกายนอนไม่เพียงพอจะส่งผลให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนความเครียด ส่งผลให้อารมร์แปรปรวน เวียนหัว ไปจนถึงอาการไมเกรนได้

ความเครียด และวิตกกังวล

ดังเช่นที่กล่าวข้างต้น เมื่อร่างกายเกิดภาวะเครียดก็จะส่งผลกับการหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ และทำให้หลอดเลือดตีบตันมากขึ้น จึงส่งผลให้การสูบฉีดเลือดไปที่สมองทำได้ยาก ซึ่งก่อให้เกิดอาการมึนหัวตื้อ ๆ แก้ยังไงก็ไม่หายซักที

ร่างกายขาดน้ำ

เมื่อร่างกายขาดน้ำมากจนเกินไป นอกจากจะส่งผลกระทบต่อผิวพรรณอย่างที่เคยกล่าวไปในบทความก่อน ๆ แล้ว เมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำให้ภายในร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็จะขาดน้ำ โดยเฉพาะระบบไหลเวียนเลือด เลือดก็จะข้นเหนียวขึ้น ทำให้เกิดภาวะความดันเลือดสูง ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกเวียนหัวได้

การใช้สายตาอย่างหนัก

ทำงานก็อยู่หน้าจอ ทานข้าวก็ยังดูจอ แทบจะตลอดเวลาเรามักจะติดกับการมองจออยู่เสมอ ซึ่งการใช้สายตาอย่างหนักเป็นเวลานานโดยไม่พักเลย ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเวียนหัวได้

ภาวะผิดปกติของร่างกาย

ที่จริงแล้วอาการเวียนหัวนั้นสามารถเป็นข้อบ่งชี้ถึงภาวะที่ผิดปกติร้ายแรงต่อร่างกายได้มาก ไม่ว่าจะเป็นไมเกรน, โรคโลหิตจาง, ความผิดปกติของหูชั้นใน, ความผิดปกติของสมอง, เบาหวาน รวมไปถึงความผิดปกติของหัวใจ และหลอดเลือด ดังนั้นหากเกิดอาการเวียนหัวระหว่างวันบ่อย ๆ แนะนำว่าควรพบแพทย์ดีที่สุด

อาการเวียนหัว

อาการปวดหัว มีกี่ประเภท

การปวดแบบปฐมภูมิ

  • ปวดหัวจากกล้ามเนื้อตึงตัว (Tension-type headaches) 

อาการปวดหัวตื้อ ๆ หนัก ๆ ที่เกิดจากความเครียด การทำงานหนัก และการพักผ่อนไม่เพียงพอ มักจะมีลักษณะอาการปวดหัวทั้งสองข้างแบบรัดรอบศีรษะ หรือปวดที่ขมับร้าวไปที่ท้ายทอย ตั้งแต่ 30 นาทีจนถึงหลายวัน และมักมีอาการในช่วงบ่ายหรือเย็น

  • ปวดหัวไมเกรน (Migraine headaches) 

อาการปวดหัวที่มีสาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง หรือหลอดเลือดบริเวณศีรษะขยายตัวผิดปกติ ลักษณะอาการปวดหัวแบบตุบ ๆ คล้ายจังหวะการเต้นของชีพจร โดยมีอาการปวดหัวในระดับปานกลางถึงรุนแรง และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว บ้านหมุน ตาสู้แสงไม่ได้ หรือชาตามร่างกายร่วมด้วย มีระยะเวลาการปวดตั้งแต่ 4 ชั่วโมงไปจน 3 วัน

  • ปวดหัวคลัสเตอร์ (Cluster headaches)

อาการปวดหัวที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 และเส้นเลือดโดยรอบรวมถึงปฏิกิริยาเคมีในสมอง มีลักษณะอาการปวดหัวข้างเดียวอย่างรุนแรง ปวดแปล๊บ ๆ ปวดตุบ ๆ เป็นระยะจนน้ำตาไหล เหงื่อออก หนังตาตก และรูม่านตาหด รวมถึงมีอาการปวดหัวเป็นชุด ๆ 1-3 ครั้งต่อวันนานตั้งแต่ 2 สัปดาห์จนถึง 3 เดือนจากนั้นอาการปวดหัวจึงหายไป

  • ปวดหัวต่อเนื่องทุกวัน (New daily persistent headaches: NDPH)

อาการปวดหัวแบบฉับพลันทั้งสองข้าง หรือข้างเดียวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีภาวะตาสู้แสงไม่ได้คล้ายกับอาการปวดหัวไมเกรน เป็นอาการปวดหัวแบบที่พบได้น้อยมาก และไม่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่คาดว่าอาจเกิดจากการอักเสบภายในโครงสร้างรอบศีรษะ การติดเชื้อ เนื้องอกในสมอง หรือปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ฯลฯ แนะนำให้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยการแพทย์ผู้ชำนาญการ


การปวดหัวแบบทุติยภูมิ

  • ปวดหัวไซนัส (Sinus headaches)

อาการปวดหัวตื้อ ๆ หนัก ๆ ทั่วทั้งใบหน้าตามบริเวณโพรงไซนัส เช่น หน้าผาก ดั้งจมูก กระบอกตา เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไข้หวัด โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา สำหรับคนที่มีอาการปวดหัวไซนัสมักจะมีอาการปวดหัวชัดเจนเมื่อก้มศีรษะ หรือก้มตัว อาจมีไข้ ใบหน้าบวม มีเสมหะ และน้ำมูกไหลร่วมด้วย

  • ปวดหัวแบบสายฟ้าฟาด (Thunderclap headache)

อาการปวดหัวแบบฉับพลัน รุนแรงที่เกิดขึ้นแบบกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณเตือน อาจเป็นอาการนำที่นำไปสู่ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ร้ายแรง เช่น เลือดออกในสมอง หลอดเลือดสมองหดตัว หรือหลอดเลือดดำสมองอุดตัน

อาการมึนหัวตื้อ ๆ

10 วิธี ปวดหัวตื้อ ๆ หนัก ๆ วิธีแก้บื้องต้น


1.นั่งหรือนอนนิ่ง ๆ

เมื่อรู้สึกปวดหัวที่ไม่หนักมาก แนะนำให้นอนพัก และอยู่ในที่เงียบ สงบ แสงไม่จ้าจนเกินไป หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ และอาจจะรับประทานยาแก้ปวดชนิดที่ไม่ใช่เสตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น Naproxen, Ibuprofen หรือรับประทานยาแก้ปวดไมเกรน เช่น กลุ่ม Ergot, Triptans แต่ควรใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์ด้วย

2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การที่ร่างกายขาดน้ำคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปวดหัวได้ด้วย ถ้าหากในชีวิตประจำวันไม่ได้ดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือปกติดื่มน้ำน้อย ลองดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดให้มากขึ้น หรือดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน ประมาณ 8 แก้ว หรือ 2-3 ลิตรต่อวัน

3.หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นอาการมึนหัว

ปัจจัยบางอย่าง เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ สารก่อภูมิแพ้ อาหารเค็ม หรือสารคาเฟอีน เช่น ชา น้ำอัดลม กาแฟ และการสูบบุหรี่ ฯลฯ มีส่วนทำให้เกิดอาการปวดหัวขึ้นได้ จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นเหล่านี้ 

4.เครื่องดื่ม หรือลูกอมอาจช่วยได้

เมื่อเกิดจากภาวะขาดน้ำตาลในเลือด หรือมีความเครียด มักจะทำให้เกิดอาการปวดหัวขึ้นได้ เครื่องดื่มหรือลูกอมอาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้บ้าง ลองจิบน้ำหวาน น้ำผลไม้ หรืออมลูกอม เพื่อให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า หรืออาจดื่มชาสมุนไพร เช่น ชาขิง ที่ช่วยแก้อาการมึนหัวก็ได้

  • Propoliz โพรพอลิส ชนิดเม็ดอม พลัส รสน้ำผึ้ง มะนาว และขิง เม็ดอมโพรโพลิซสำหรับช่องปาก และลำคอ อมได้บ่อยตลอดวัน และไม่ระคายเคืองเพดานช่องปาก ไม่แสบลิ้น และไม่แสบคอ รสชาติกลมกล่อม ชุ่มคอยาวนาน หอมเย็นสดชื่น
  • ยูสไมล์ 101 ผงขิงทอง ชนิดชงดื่ม ช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกัน, ลดอาการอักเสบ, บรรเทาอาการต่างๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ, ช่วยในการย่อยอาหาร, ลดความอยากอาหาร, บรรเทาอาการปวดประจำเดือน, ไมเกรน, คลื่นไส้

5.กายบริหารด้วยวิธี Epley Maneuver

การบริหารกายด้วยวิธี Epley Maneuver จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวที่เกิดจากตะกอนหินปูนหลุดในหูชั้นใน (BPPV) โดยการเคลื่อนย้ายผลึกแคลเซียมให้กลับสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม  เป็นการรักษาที่ได้ผลดีสำหรับอาการเวียนศีรษะจาก BPPV ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหัว

โดยวิธีการบริหารให้นอนหงายลงอย่างรวดเร็ว โดยให้ไหล่วางบนหมอนที่เตรียมไว้ ค้างอยู่ในท่าเอียงศีรษะเช่นเดิมค้างไว้ 30 วินาที หันหน้าไปทางขวา 45 องศา หรือเท่ากับหันจากตำแหน่งเดิม 90 องศา ทำค้างไว้อีก 30 วินาทีโดยยังไม่ยกศีรษะขึ้น

6.กายบริหารด้วยวิธี Semont-Toupet Maneuver

กายบริหาร Semont-Toupet Maneuver ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดหัวที่เกิดจากปัญหาเกี่ยวกับหูชั้นใน เช่น โรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด ด้วยการนั่งข้างเตียง ศีรษะหันไปด้านข้างที่ไม่มีอาการ 45 องศา จากนั้นเอนตัวลงนอนพร้อมกับหันศีรษะเฉียงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค้างนาน 1 – 2 นาที แล้วพลิกตัวเอนไปด้านตรงข้ามอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหันศีรษะเฉียงลงด้านล่าง ค้างนาน 1 – 2 นาที เมื่อครบแล้วให้ลุกขึ้นนั่งช้า ๆ

7.พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนน้อย เป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว จึงควรมีการพักผ่อนที่เหมาะสมควรมีระยะเวลา 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และควรเข้านอน และตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ร่างกายชินกับการนอนเวลาเดิม และบรรเทาอาการปวดหัวที่เกิดขึ้น

8.รับมือกับความเครียด

ความเครียดสามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวขึ้นได้ จากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ และคอ การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน และการเพิ่มขึ้นของสารสื่อประสาทบางชนิดในสมอง ทำให้รู้สึกแน่นหรือกดดันบริเวณศีรษะ หากมีความเครียดแนะนำให้รับประทานยาแก้ปวด ประคบเพื่อคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ จัดการกับความเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสม รวมถึงดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพจิตเป็นประจำ เพื่อลดความเครียดให้เกิดน้อยลง

9.กินอาหารที่มีประโยชน์

การกินอาหารที่มีประโยชน์มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ โดยเฉพาะการกินอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง เช่น แตงโม ธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียวเข้ม และถั่ว รวมถึงการกินอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน วอลนัท และเมล็ดเจีย หรืออาหารเสริมสำหรับในคนที่มีปัญหาขาดสารอาหาร เช่น 

  • Swisse สวิสเซ แมกนีเซียม บรรเทาภาวะหดเกร็ง หรือเป็นตะคริวของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และลดภาวะเครียด
  • Vistra วิตามินแมกนีเซียม วิสทร้า คอมเพล็กซ์ พลัส ช่วยเรื่องปวดไมเกรน, ป้องกันตะคริว, ลดภาวะเครียด, เสริมสร้างกล้ามเนื้อและระบบประสาท. นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

 10.ใช้ยาที่หาซื้อได้เอง

การใช้ยาบรรเทาปวดหัวทั่วไป เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะเบื้องต้นได้ สำหรับอาการปวดหัวไมเกรน อาจจำเป็นต้องใช้ยาเฉพาะเจาะจง เช่น ยาในกลุ่มทริปแทน แต่ควรระวังในการใช้ยามากเกินไป หรือใช้ยาไม่ถูกต้อง อาจทำให้ปวดหัวรุนแรงขึ้นได้

  • Tylenol ไทลินอล 500 มิลลิกรัม แผง10เม็ด เป็นยาแก้ปวด และลดไข้ที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดจากหลายสาเหตุ เช่น ปวดศีรษะ, ปวดฟัน, ปวดประจำเดือน, และปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังช่วยลดไข้ได้ด้วย

อาการปวดหัวแบบไหนที่ควรพบแพทย์

  • ปวดหัวรุนแรงแบบฉับพลัน ทันทีทันใด 
  • ปวดหัวรุนแรงที่สุดในชีวิต
  • ปวดหัวร่วมกับมีอาการอื่น เช่น มีไข้ ชักเกร็ง ซึม สับสน พฤติกรรมเปลี่ยน แขนขาอ่อนแรง มีอาการชา การพูดมีปัญหา ใบหน้าหรือปากเบี้ยว หรือการมองเห็นผิดปกติ
  • ปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวบ่อย ๆ จนต้องทานยาแก้ปวดเป็นประจำ
  • ปวดหัวเฉพาะเวลาไอ หรือจาม
  • อาการปวดหัวที่เริ่มเกิดขึ้นใหม่หลังอายุ 50 ปี
  • อาการปวดหัวที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์

วิธีการป้องกันอาการปวดหัวหนัก ๆ ตื้อ ๆ  

1.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายมีส่วนช่วยลดความตึงเครียด และช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง และยังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดรอฟิน ที่เป็นสารบรรเทาอาการปวดตามธรรมชาติในร่างกายออกมาด้วย ลองวิ่งเหยาะๆ หรือออกกำลังกายด้วยท่าง่าย ๆ อยู่กับที่สัก 15 นาที อาจจะช่วยบรรเทาให้อาการปวดหัวดีขึ้น

2.พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนไม่เพียงพอหรือนอนไม่หลับ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวขึ้นได้บ่อย ๆ เนื่องจากการอดนอนอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเครียดในร่างกายสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อหลอดเลือดในสมอง ทำให้ตีบตัน และเกิดอาการปวดหัว จึงควรควรมีการพักผ่อนที่เหมาะสมควรมีระยะเวลา 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และควรเข้านอน และตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน

3.จัดการกับความเครียด

ความเครียดสามารถส่งผลให้ปวดหัวได้ เนื่องจากความเครียดอาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ และคอหดเกร็งหรือตึงตัว กระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีบางชนิดที่ทำให้หลอดเลือดในสมองบีบตัวหรือขยายตัว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหัว จึงควรจัดการกับความเครียดให้ดี ด้วยการออกกำลังกาย คลายเครียด นั่งสมาธิ ฝึกจิต ลดเครียด หางานอดิเรกทำ เพื่อโฟกัสกับสิ่งที่ชอบ รวมไปถึงคิดบวกให้มากขึ้น เป็นต้น

4.หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว

สิ่งกระตุ้นจากภายนอกต่าง ๆ สามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ เช่น แสงจ้า เสียงดัง กลิ่นฉุน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ รวมไปถึงอาหารบางชนิด เช่น ชีส ไวน์แดง ช็อคโกแลต ผงชูรส หรืออาหารหมักดอง สำหรับคนที่มักเกิดอาการปวดหัว จึงควรเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้

5.ใช้สายตาอย่างเหมาะสม

การใช้สายตามากเกินไปอาจทำให้ปวดหัวได้ เช่น การจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน การเพ่งมองงานที่ละเอียด หรือการใช้แว่นที่ไม่เหมาะสม ฯลฯ เนื่องจากกล้ามเนื้อรอบดวงตา และคอต้องทำงานหนัก เพื่อโฟกัสและปรับตัวต่อภาพที่มองเห็น จึงควรพักสายตาเป็นระยะ ๆ โดยหลับตา หรือมองไปไกลๆ ทุก 20-30 นาที  ปรับระยะการมองให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำ เช่น ไม่ควรนั่งใกล้จอคอมพิวเตอร์มากเกินไป รวมถึงควรใส่แว่นที่ตรงกับค่าสายตาที่ถูกต้องด้วย


9 เมนู เวียนหัวกินอะไรหาย

9 เมนู เวียนหัวกินอะไรหาย


1.มะม่วงเป็นเมนูแก้เวียนหัว

เวียนหัวกินอะไรหาย เมนูแรกที่จะนำมาเสนอกันก็คือมะม่วงเปรี้ยวรสจี๊ดจ๊าด ที่ความเปรี้ยวของมะม่วงจะช่วยลดความรู้สึกเวียนหัว และความพะอืดพะอมได้อย่างดี ความเปรี้ยวจากมะม่วงยังช่วยให้รู้สึกตื่นตัว และสดชื่นได้มากขึ้นด้วย หากถามว่าปวดหัวไมเกรนกินอะไรหายก็ต้องมะม่วงเลย

2.มะขามหนึ่งในเมนูแก้เวียนหัว

เวียนหัวกินอะไรหาย ไม่ว่าจะเป็นมะขามฝัก หรือมะขามคลุกรสเปรี้ยวเข็ดฟัน ก็สามารถเข้าลิสต์มาเป็นเมนูแก้เวียนหัวได้ทั้งนั้น เพราะความเปรี้ยวที่ช่วยให้รู้สึกหายเวียนหัวได้ดี และผลิตภัณฑ์จากมะขามก็ยังสามารถหาซื้อได้ง่ายพกได้ง่าย นี่จึงเป็นเมนูแก้เวียนหัวที่ดีมากทีเดียว

3.มะนาวอีกเมนูแก้เวียนหัว

นอกจากมะม่วง มะขาม เมื่อถามว่าเวียนหัวกินอะไรหาย การกินของที่มีรสชาติเปรี้ยวจี๊ดช่วยให้รู้สึกคลายอาการเวียนศีรษะได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ยังมีอีกตัวเลือกที่เปรี้ยวจี๊ดสะใจสุด ๆ อย่างมะนาวที่เป็นเมนูแก้เวียนหัว อีกทั้งยังช่วยให้ไม่รู้สึกพะอืดพะอมจนอยากอาเจียนได้ด้วย ใครสงสัยว่าปวดหัวไมเกรน หรือเวียนหัวกินอะไรหายคำตอบก็คือ มะนาว ค่า

4.ช็อกโกแลตคือเมนูแก้เวียนหัว

หลาย ๆ คนคงอาจจะเคยได้ยินคำว่าภาวะน้ำตาลตก ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายขาดน้ำตาล ก่อให้เกิดอาการหลาย ๆ อย่างรวมทั้งอาการเวียนศีรษะ ดังนั้น ช็อกโกแลตจึงเป็นเมนูแก้เวียนหัวที่ดีที่ควรมีติดกระเป๋า เวียนหัวเมื่อไหร่ก็หยิบมาทาน เติมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายได้อย่างเร่งด่วน

5.น้ำขิงเป็นหนึ่งในเมนูแก้เวียนหัว

ปวดหัวไมเกรน หรือเวียนหัวกินอะไรหายก็ต้องน้ำขิงร้อน ๆ เลยค่ะ นอกจากจะช่วยให้อาการหวัดดีขึ้นแล้ว น้ำขิงยังมีส่วนช่วยให้ลดอาการอักเสบในร่างกาย ลดระดับน้ำตาลในลด และยังช่วยบรรเทาอาการไมเกรนที่ส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัวระหว่างวันได้ ใครที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไมเกรนอย่าลืมเพิ่มน้ำขิงไว้เป็นเมนูแก้เวียนหัวกันด้วยนะ

6.ผักโขมอีกเมนูแก้เวียนหัว

นอกจากจะเป็นส่วนประกอบของเมนูแสนอร่อยหลากหลายเมนูแล้ว ผักโขมยังเป็นเมนูแก้เวียนหัวจานเด็ดได้อีกด้วย เพราะผักโขมมีสารช่วยบำรุงเลือด และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ดีมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และหัวใจ ใครได้ทานเมนูแก้เวียนหัวนี้รับรองว่าไร้อาการเวียนหัวแน่นอน

7.ใบบัวบกคือเมนูแก้เวียนหัว

เมนูแก้ช้ำในยอดฮิต ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แต่นอกจากนั้น ‘ใบบัวบก’ ยังเป็นเมนูแก้เวียนหัวชั้นยอดอีกด้วย เพราะใบบัวบกจะเข้าไปช่วยเติมน้ำให้กับร่างกายได้อย่างรวดเร็วสำหรับผู้มีภาวะขาดน้ำจนเกิดอาการเวียนหัว นอกจากนี้ใบบัวบกยังมีสารที่ออกฤทธิ์โดยตรงต่อสมองช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย เมนูแก้เวียนหัวชั้นยอดแบบนี้ต้องมีไว้ใกล้ ๆ ตัว

8.มะกรูดเป็นเมนูแก้เวียนหัว

สมุนไพรไทยพื้นฐานก็สามารถเป็นเมนูแก้เวียนหัวได้เช่นกัน อย่างเช่นมะกรูดที่กลิ่นของสมุนไพรนี้จะช่วยให้ผู้ทีได้กลิ่นรู้สึกสดชื่น ลดอาการเวียนศีรษะได้ และทำให้รูสึกดี โดยวิธีการใช้งานก็ง่ายเพียงแค่ฝานมะกรูดบาง ๆ แช่ลงในน้ำร้อน และค่อย ๆ จิบ ใครได้ดื่มเมนูแก้เวียนหัวนี้ต้องไร้อาการเวียนหัวอย่างแน่นอน

9.เครื่องในสัตว์หนึ่งในเมนูแก้เวียนหัว

อาจจะไม่ใช้เมนูแก้เวียนหัวที่ทานปุ๊บ ได้ผลทันที แต่เป็นเมนูแก้เวียนหัวที่ทานไว้ก่อนที่จะเกิดอาการ หรือใครที่มีอาการเวียนหัวระหว่างวันบ่อย ๆ ก็อาจะจต้องเริ่มเพิ่มเมนูแก้เวียนหัวอย่างเครื่องในสัตว์มาอยู่ในลิสต์ เพราะเครื่องในสัตว์นั้นอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งดีต่อผู้มีภาวะโลหิตจางที่อาจจะเกิดอาการเวียนหัวได้บ่อยครั้ง

ใครที่มีอาการเวียนหัวระหว่างวันบ่อย ๆ หรือมีข้อสงสัยว่าเมื่อเกิดอาการปวดหัวไมเกรน หรือเวียนหัวกินอะไรหาย มึนหัวตื้อ ๆ แก้ยังไง หรือปวดหัวตื้อ ๆ หนัก ๆ วิธีแก้คืออะไรบ้าง ก็อย่าลืมเพิ่ม 9 เมนูแก้เวียนหัวนี้ใส่ลิสต์เอาไว้ บางอย่างแก้ได้ทันที บางอย่างกินไว้ก่อนดีกว่ามาแก้ รับรองว่าอาการเวียนหัวระว่างวันบ่อย ๆ ไม่มากวนใจอีกแน่นอน

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/headache#prevention

https://www.phyathai.com/th/article/easily-cure-headaches-yourself-ptp?srsltid=AfmBOoq8B61M1ttkWq5AE4vSAig8hMtHeEFJY1nwFPRZDj8FUmrybcTchttps://www.pobpad.com/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B6%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7-10-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2

https://www.watsons.co.th/th/blog/latest-trend-th/9-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%94

คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

อีฟนิ่งพริมโรส มีสรรพคุณและประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ควรกินตอนไหน

Next

ทำความรู้จักกับชุดตรวจการตั้งครรภ์ ควร ใช้อย่างไรให้ได้ผลแม่นยำ

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2025
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. ทำความรู้จักกับชุดตรวจการตั้งครรภ์ ควร ใช้อย่างไรให้ได้ผลแม่นยำ
  7. 10 วิธี เวียนหัวกินอะไรหายเบื้องต้น ช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน
  8. 10 ยาสระผมแก้รังแคยี่ห้อไหนดี ลดปัญหาคันหนังศีรษะ พร้อมวิธีแก้คันหัว
  9. เม็ดสีเมลานิน คืออะไร มีประโยชน์ยังไง และช่วยเรื่องอะไรบ้าง
  10. อีฟนิ่งพริมโรส มีสรรพคุณและประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ควรกินตอนไหน
  11. 12 ลิปมันกันแดดบำรุงปากเนียนนุ่ม ลดปากคล้ำตัวเก่งที่วัตสัน
*/?>