โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share

ชุดตรวจตั้งครรภ์เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ออกแบบมาเพื่อตรวจหาฮอร์โมน hCG (human Chorionic Gonadotropin) ในปัสสาวะ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตขึ้นหลังจากไข่ที่ได้รับการผสมฝังตัวในที่ผนังมดลูกแล้ว ชุดตรวจครรภ์นี้มีจำหน่ายทั่วไปในร้านขายยา และซูเปอร์มาร์เก็ต สามารถใช้ได้ง่ายที่บ้าน ให้ผลรวดเร็ว และมีความแม่นยำค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามชุดตรวจครรภ์จะมีประสิทธิภาพการตรวจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ช่วงเวลาที่ทำการตรวจ วิธีการใช้ และคุณภาพของชุดตรวจ.

ชุดตรวจตั้งครรภ์คืออะไร ?

ชุดตรวจตั้งครรภ์ คืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ตรวจหาฮอร์โมน hCG (human Chorionic Gonadotropin) ในปัสสาวะ โดยฮอร์โมนนี้จะถูกผลิตขึ้นหลังจากไข่ที่ถูกผสมแล้วฝังตัวในผนังมดลูก ทำให้สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ระยะแรก ชุดตรวจการตั้งครรภ์มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบจุ่ม แบบหยด และแบบปัสสาวะผ่านกระดาษ ให้ผลการตรวจในรูปแบบขีดหรือสัญลักษณ์ มีความแม่นยำประมาณ 97-99% เมื่อใช้ถูกวิธีและตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ หลังจากประจำเดือนขาดหรือประมาณ 10-14 วัน หลังการมีเพศสัมพันธ์

ประเภทของชุดตรวจการตั้งครรภ์


ชุดตรวจครรภ์แบบจุ่ม

ใช้งานง่าย เพียงจุ่มแถบทดสอบในปัสสาวะ

ชุดตรวจการตั้งครรภ์แบบจุ่ม เป็นรูปแบบที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด เพียงนำแถบทดสอบจุ่มลงในภาชนะที่เก็บปัสสาวะไว้ ตามระยะเวลาที่ระบุในคำแนะนำ (ประมาณ 5-10 วินาที) แล้วนำชุดตรวจครรภ์ขึ้นมาวางในแนวนอนเพื่อรอผลตามเวลาที่กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 1-5 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ

ราคาประหยัด

ชุดตรวจตั้งครรภ์แบบจุ่มมักมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับแบบอื่น ๆ ราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 25-70 บาท ต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับแบรนด์ และความไวในการตรวจจับฮอร์โมน hCG ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจซ้ำหลายครั้งเพื่อยืนยันผล หรือสำหรับผู้ที่วางแผนครอบครัว และต้องการตรวจเป็นประจำ

ความแม่นยำสูง

ชุดตรวจครรภ์แบบจุ่มมีความแม่นยำไม่แตกต่างจากรูปแบบอื่น ๆ โดยมีความแม่นยำประมาณ 97-99% เมื่อใช้ถูกวิธี และตรวจในเวลาที่เหมาะสม (หลังประจำเดือนขาด) ชุดตรวจครรภ์สมัยใหม่สามารถตรวจจับฮอร์โมน hCG ในระดับต่ำถึง 25 mIU/ml บางยี่ห้อที่มีความไวสูงสามารถตรวจจับได้ที่ระดับ 10 mIU/ml ทำให้สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น

ชุดตรวจครรภ์แบบหยด


ใช้หยดปัสสาวะลงบนแผ่นทดสอบ

ชุดตรวจตั้งครรภ์แบบหยดประกอบด้วยแผ่นทดสอบที่มีช่องสำหรับหยดปัสสาวะโดยเฉพาะ ผู้ใช้ต้องเก็บปัสสาวะในภาชนะสะอาดก่อน แล้วใช้หลอดหยดที่มักมาพร้อมกับชุดตรวจครรภ์ ดูดปัสสาวะแล้วหยดลงในช่องทดสอบตามจำนวนที่ระบุ (ส่วนใหญ่ประมาณ 3-4 หยด) วิธีนี้ช่วยให้ควบคุมปริมาณปัสสาวะที่ใช้ทดสอบได้แม่นยำ และลดความเลอะเทอะขณะทดสอบ

พกพาสะดวก

ชุดตรวจครรภ์แบบหยดมักมีขนาดกะทัดรัด บรรจุในซอง หรือกล่องขนาดเล็ก ทำให้พกพาได้สะดวก สามารถพกติดกระเป๋าหรือนำไปใช้นอกสถานที่ได้ง่าย นอกจากนี้ การที่ไม่ต้องจุ่มอุปกรณ์ทั้งชิ้นลงในปัสสาวะยังช่วยรักษาความสะอาด และถูกสุขอนามัยมากขึ้น ชุดตรวจการตั้งครรภ์แบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะ หรือต้องการทดสอบระหว่างเดินทาง

มีความแม่นยำเทียบเท่าแบบจุ่ม

ชุดตรวจครรภ์แบบหยดมีความแม่นยำประมาณ 97-99 % เช่นเดียวกับแบบจุ่ม เนื่องจากใช้หลักการตรวจจับฮอร์โมน hCG เหมือนกัน ความแตกต่างอยู่ที่วิธีการนำปัสสาวะไปสัมผัสกับแถบทดสอบเท่านั้น ข้อได้เปรียบของชุดตรวจครรภ์แบบหยดคือช่วยลดข้อผิดพลาดจากการจุ่มลึกหรือตื้นเกินไป และควบคุมปริมาณปัสสาวะที่สัมผัสกับแถบทดสอบได้แม่นยำกว่า

ชุดตรวจครรภ์แบบดิจิตอล


แสดงผลเป็นตัวอักษรชัดเจน

ชุดตรวจครรภ์แบบดิจิตอลแสดงผลเป็นข้อความที่ชัดเจนบนหน้าจอ เช่น “ตั้งครรภ์” หรือ “ไม่ตั้งครรภ์”, “Pregnant” หรือ “Not Pregnant”, หรือเป็นสัญลักษณ์ “+” หรือ “-” ทำให้อ่านผลได้ง่าย และชัดเจนกว่าการแปลผลจากเส้นบนแถบทดสอบแบบทั่วไป ชุดตรวจครรภ์แบบดิจิตอลบางรุ่นยังสามารถประมาณอายุครรภ์โดยระบุเป็น “1-2 สัปดาห์”, “2-3 สัปดาห์” หรือ “3+ สัปดาห์” ซึ่งช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ใช้

ลดความผิดพลาดในการอ่านผล

ชุดตรวจการตั้งครรภ์แบบดิจิตอลช่วยลดความสับสนในการอ่านผล โดยเฉพาะในกรณีที่เส้นทดสอบจางมาก หรือไม่ชัดเจน ซึ่งในแบบทั่วไปอาจต้องตีความว่าเป็นผลบวกหรือลบ ระบบดิจิตอลใช้เซนเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงบนแถบทดสอบ แล้วประมวลผลเป็นข้อความที่ชัดเจน ช่วยลดความเครียด และความกังวลจากการแปลผลที่คลุมเครือ

ราคาสูงกว่าแบบอื่น

ชุดตรวจครรภ์แบบดิจิตอลมีราคาสูงกว่าแบบอื่นประมาณ 2-3 เท่า โดยทั่วไปมีราคาตั้งแต่ 150-350 บาท ต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับแบรนด์ และฟังก์ชันเสริม เช่น การประมาณอายุครรภ์ ราคาที่สูงเป็นผลมาจากเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และการออกแบบที่ซับซ้อนกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการอ่านผลหรือมีปัญหาสายตา ชุดตรวจแบบนี้อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า

วิธีใช้ชุดตรวจตั้งครรภ์ให้ได้ผลแม่นยำ


เลือกเวลาที่เหมาะสม

ควรตรวจหลังจากประจำเดือนขาด 1-2 สัปดาห์

การใช้ชุดตรวจครรภ์หลังจากประจำเดือนขาดประมาณ 1-2 สัปดาห์จะให้ผลที่แม่นยำที่สุด เนื่องจากร่างกายจะมีระดับฮอร์โมน hCG สูงเพียงพอที่ชุดตรวจจะสามารถตรวจพบได้อย่างชัดเจน ในช่วงนี้ความเข้มข้นของฮอร์โมน hCG จะสูงประมาณ 100 mIU/ml ขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าค่าความไวต่ำสุดของชุดตรวจมาตรฐานทั่วไป การตรวจก่อนมีประจำเดือนหรือทันทีที่ประจำเดือนขาดอาจได้ผลลบปลอม

ตรวจในช่วงเช้าจะให้ผลแม่นยำที่สุด

ปัสสาวะในช่วงเช้าหลังตื่นนอน (ปัสสาวะแรกของวัน) มีความเข้มข้นของฮอร์โมน hCG สูงที่สุด เนื่องจากมีการสะสมในกระเพาะปัสสาวะตลอดคืน ทำให้ชุดตรวจครรภ์สามารถตรวจพบได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ที่ระดับฮอร์โมนยังไม่สูงมาก หากไม่สามารถใช้ปัสสาวะช่วงเช้าได้ ควรพยายามกลั้นปัสสาวะไว้อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนทดสอบเพื่อให้มีความเข้มข้นเพียงพอ

หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากเกินไปก่อนตรวจ

การดื่มน้ำปริมาณมากก่อนทำการทดสอบจะทำให้ปัสสาวะเจือจาง ส่งผลให้ความเข้มข้นของฮอร์โมน hCG ลดลง และอาจทำให้ได้ผลลบปลอมได้ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ที่ระดับฮอร์โมนยังไม่สูงมาก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมาก หรือเครื่องดื่มขับปัสสาวะ เช่น กาแฟ ชา อย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนการทดสอบ เพื่อให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นพอเหมาะ

ขั้นตอนการใช้ชุดตรวจครรภ์ที่ถูกต้อง


อ่านคู่มือให้ละเอียดก่อนใช้งาน

ชุดตรวจครรภ์แต่ละยี่ห้อ และรุ่นอาจมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันในรายละเอียด เช่น ระยะเวลาที่ต้องจุ่มในปัสสาวะ จำนวนหยดที่ต้องหยด หรือเวลาที่ต้องรอก่อนอ่านผล การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดอาจส่งผลให้การทดสอบไม่แม่นยำ ดังนั้นจึงควรอ่านคู่มือการใช้งานชุดตรวจครรภ์ให้ละเอียดก่อนเปิดบรรจุภัณฑ์ และทำความเข้าใจขั้นตอนทั้งหมดให้ชัดเจนก่อนเริ่มทดสอบ

ล้างมือให้สะอาด

ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญในการทดสอบการตั้งครรภ์ สารปนเปื้อนจากมือ เช่น ครีม น้ำมัน หรือสิ่งสกปรกอาจรบกวนปฏิกิริยาเคมีของชุดตรวจตั้งครรภ์ได้ ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด แล้วเช็ดให้แห้งก่อนจับชุดตรวจตั้งครรภ์ ไม่ควรสัมผัสส่วนที่ใช้ทดสอบหรือดูดซับปัสสาวะโดยตรง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนที่อาจส่งผลต่อความแม่นยำของการทดสอบ

เก็บปัสสาวะในภาชนะสะอาด

สำหรับชุดตรวจตั้งครรภ์แบบหยดหรือในกรณีที่ไม่สะดวกจะจุ่มแถบทดสอบในปัสสาวะโดยตรง ควรใช้ภาชนะสะอาด แห้ง และไม่มีสารตกค้างใด ๆ เช่น น้ำยาล้างจาน สบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ ในการเก็บปัสสาวะภาชนะพลาสติกใหม่ หรือแก้วที่ผ่านการล้างและเช็ดให้แห้งสนิทเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ไม่ควรใช้ภาชนะที่มีคราบหรือกลิ่นตกค้าง เพราะอาจมีสารเคมีที่รบกวนผลการทดสอบได้

ทำตามระยะเวลาที่กำหนดในการอ่านผล

การอ่านผลชุดตรวจตั้งครรภ์เร็ว หรือช้าเกินไปอาจทำให้การแปลผลผิดพลาดได้ ชุดตรวจครรภ์แต่ละยี่ห้อกำหนดเวลาในการอ่านผลที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปประมาณ 3-5 นาทีหลังทดสอบ การอ่านผลเร็วเกินไปอาจทำให้ปฏิกิริยายังไม่สมบูรณ์ ขณะที่การอ่านผลช้าเกินกว่าเวลาที่กำหนด (มักเกิน 10 นาที) อาจทำให้เกิดเส้นจาง ๆ ที่เรียกว่า evaporation line ซึ่งไม่ใช่ผลบวกจริง

การอ่านผลชุดตรวจการตั้งครรภ์

ขึ้น 2 ขีด = ตั้งครรภ์

เมื่อชุดตรวจตั้งครรภ์ปรากฏเส้น 2 เส้นในหน้าต่างผลการทดสอบ หมายถึงผลบวก หรือตั้งครรภ์ โดยเส้นแรกคือเส้นควบคุม (Control line) ที่แสดงว่าชุดตรวจตั้งครรภ์ทำงานถูกต้อง และเส้นที่สองคือเส้นทดสอบ (Test line) ที่แสดงว่าตรวจพบฮอร์โมน hCG ในปัสสาวะ ความเข้มของเส้นทดสอบอาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่เข้มเท่ากับเส้นควบคุมไปจนถึงจางมาก แต่ตราบใดที่มองเห็นเส้นบนชุดตรวจตั้งครรภ์ได้ในเวลาที่กำหนด ถือว่าเป็นผลบวก

ขึ้น 1 ขีด = ไม่ตั้งครรภ์

เมื่อชุดตรวจตั้งครรภ์ปรากฏเพียงเส้นเดียวในหน้าต่างผลการทดสอบ ซึ่งคือเส้นควบคุม (Control line) เพียงเส้นเดียวในหน้าต่างผลการทดสอบ หมายถึงผลลบ หรือไม่ตั้งครรภ์ เส้นควบคุมนี้แสดงว่าชุดตรวจตั้งครรภ์ทำงานได้ตามปกติ แต่ไม่พบฮอร์โมน hCG ในระดับที่ตรวจจับได้ในปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม หากทดสอบเร็วเกินไป (ก่อนประจำเดือนขาดหรือทันทีที่ประจำเดือนขาด) อาจเป็นผลลบปลอมได้ หากยังสงสัย ควรทดสอบซ้ำหลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์

ไม่ขึ้นขีดหรือขึ้นไม่ชัด = ต้องตรวจซ้ำ

หากไม่ปรากฏทั้งเส้นควบคุม และเส้นทดสอบบนชุดตรวจการตั้งครรภ์ หรือเส้นควบคุมไม่ชัด แสดงว่าชุดตรวจครรภ์ทำงานผิดปกติ อาจเกิดจากการใช้งานไม่ถูกวิธี ปัสสาวะน้อยหรือมากเกินไป หรือชุดทดสอบเสื่อมคุณภาพ ควรทิ้งชุดทดสอบนั้นและใช้ชุดตรวจครรภ์ใหม่ในการทดสอบซ้ำ หากเส้นทดสอบปรากฏแต่เส้นควบคุมไม่ปรากฏ ก็ถือว่าการทดสอบไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถสรุปผลได้ ต้องทำการทดสอบใหม่ด้วยชุดตรวจครรภ์ใหม่

ความแม่นยำของชุดตรวจครรภ์


การตรวจเร็วเกินไปหลังการมีเพศสัมพันธ์

ชุดตรวจการตั้งครรภ์ไม่สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์ หลังจากการปฏิสนธิ ต้องใช้เวลาประมาณ 6-10 วัน สำหรับไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวในผนังมดลูก และเริ่มผลิตฮอร์โมน hCG โดยระดับฮอร์โมนในระยะแรกอาจยังต่ำเกินกว่าที่ชุดตรวจจะตรวจพบได้ การตรวจภายใน 7-10 วัน หลังมีเพศสัมพันธ์มักให้ผลลบปลอม แม้จะตั้งครรภ์จริง

การใช้งานชุดตรวจครรภ์ไม่ถูกวิธี

ความผิดพลาดในการใช้งานเป็นสาเหตุหลักของการทดสอบที่ไม่แม่นยำ เช่น การจุ่มแถบทดสอบในปัสสาวะไม่นานพอ หรือนานเกินไป การหยดปัสสาวะมากหรือน้อยเกินไป การอ่านผลเร็วหรือช้าเกินกว่าเวลาที่กำหนด การไม่วางชุดตรวจตั้งครรภ์ในแนวนอนขณะรอผล หรือการสัมผัสหน้าต่างผลทดสอบ ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มืออย่างเคร่งครัด และอ่านคำแนะนำก่อนเริ่มทดสอบทุกครั้ง

ชุดตรวจครรภ์หมดอายุ

ชุดตรวจตั้งครรภ์ที่หมดอายุหรือเก็บรักษาไม่ถูกต้องอาจให้ผลที่ไม่แม่นยำ แผ่นทดสอบแอนติบอดี และสารเคมีในชุดตรวจตั้งครรภ์จะเสื่อมสภาพตามกาลเวลา โดยเฉพาะหากเก็บในที่ที่มีความชื้นหรืออุณหภูมิสูง ควรตรวจสอบวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ทุกครั้งก่อนใช้งาน และเก็บชุดตรวจการตั้งครรภ์ในอุณหภูมิห้องที่ไม่ถูกแสงแดดโดยตรงหรือมีความชื้นสูง หากบรรจุภัณฑ์ฉีกขาดหรือเสียหาย ไม่ควรใช้ชุดทดสอบนั้น

การใช้ยาบางประเภท

ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อความแม่นยำของการทดสอบ โดยเฉพาะยาที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมน hCG หรือยาที่ใช้ในการรักษาภาวะมีบุตรยาก เช่น Pregnyl, Profasi, Pergonal ซึ่งอาจทำให้เกิดผลบวกปลอม นอกจากนี้ ยาขับปัสสาวะอาจทำให้ปัสสาวะเจือจาง และลดโอกาสในการตรวจพบฮอร์โมน hCG แต่การใช้ยากลุ่มยาคุมกำเนิดหรือยาแก้ปวดทั่วไปไม่มีผลต่อการทดสอบ

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ ?


ผลตรวจไม่ชัดเจน

เมื่อผลการตรวจไม่ชัดเจน เช่น เส้นทดสอบบนชุดตรวจครรภ์จางมาก เส้นควบคุมไม่ปรากฏ หรือผลตรวจไม่สอดคล้องกับอาการที่เป็นอยู่ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยัน แพทย์อาจใช้การตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมน hCG ซึ่งมีความแม่นยำสูงกว่าและสามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้เร็วกว่าการตรวจปัสสาวะ นอกจากนี้ การตรวจอัลตราซาวด์อาจใช้ยืนยันการตั้งครรภ์ และตรวจสอบว่าเป็นการตั้งครรภ์ปกติหรือไม่

มีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออก ปวดท้องรุนแรง

หากมีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องรุนแรงหรือปวดเฉพาะที่ คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง วิงเวียนศีรษะมาก หรือมีไข้ ควรพบแพทย์โดยเร็ว ไม่ว่าแม้ผลตรวจจะเป็นบวกหรือลบก็ตาม เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก การแท้งบุตร หรืออาจเป็นอาการของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์

ข้อควรรู้ เมื่อใช้ที่ตรวจครรภ์

1. ถ้าชุดตรวจการตั้งครรภ์ขึ้นแถบ 2 ขีด หมายถึงท้อง 100% เลยใช่หรือไม่

การขึ้น 2 ขีดบนชุดตรวจครรภ์บ่งชี้ผลบวก แสดงว่ามีการตรวจพบฮอร์โมน hCG ในปัสสาวะ ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงการตั้งครรภ์ แต่ไม่ได้รับประกัน 100% เนื่องจากอาจมีผลบวกปลอมได้ในบางกรณี เช่น หลังการแท้งบุตรที่ยังมีฮอร์โมนตกค้าง ผู้ที่ได้รับยาบางชนิดที่มี hCG หรือมีภาวะทางการแพทย์บางอย่าง ผลบวกควรได้รับการยืนยันด้วยการตรวจเลือด หรือการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์อีกครั้ง

2. ถ้าชุดตรวจการตั้งครรภ์ขึ้นแถบจาง ๆ ที่ตัว T แสดงว่าท้องไหม

แถบจาง ๆ ที่ตำแหน่ง T (Test) บนชุดตรวจครรภ์ถือเป็นผลบวก แสดงว่ามีการตรวจพบฮอร์โมน hCG ในปัสสาวะ แม้เส้นจะจางแต่ยังถือเป็นการตั้งครรภ์ ความจางของเส้นอาจเกิดจากการตั้งครรภ์ระยะเริ่มต้นที่มีระดับฮอร์โมนต่ำ ปัสสาวะเจือจาง หรือชุดตรวจที่มีความไวต่างกัน แนะนำให้ตรวจซ้ำหลังผ่านไป 2-3 วัน เส้นควรเข้มขึ้นหากเป็นการตั้งครรภ์ปกติ

3. ชุดตรวจตั้งครรภ์ขึ้น 1 ขีด

การขึ้น 1 ขีด (ที่ตำแหน่ง C หรือ Control) บนชุดตรวจครรภ์แสดงว่าผลเป็นลบ หมายถึงไม่พบการตั้งครรภ์ ขีดที่ตำแหน่ง C เป็นเพียงการยืนยันว่าชุดตรวจตั้งครรภ์ทำงานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม หากตรวจเร็วเกินไป (ก่อนประจำเดือนขาด) ระดับฮอร์โมน hCG อาจยังต่ำเกินกว่าที่ชุดตรวจครรภ์จะตรวจพบได้ หากมีข้อสงสัยหรือยังไม่มีประจำเดือน แนะนำให้ตรวจซ้ำหลังผ่านไป 1 สัปดาห์ และหากมีการขึ้น 1 ขีด ที่ตำแหน่ง T (Test) แสดงว่าชุดตรวจตั้งครรภ์ทำงานผิดพลาด แนะนำให้ทิ้งชุดตรวจนั้นและทำการตรวจซ้ำอีกครั้งด้วยชุดตรวจตั้งครรภ์อันใหม่

4. ตื่นนอนเวลา 11 โมง แต่ในชุดตรวจครรภ์ให้ใช้กับปัสสาวะตอนเช้า ควรทำอย่างไร

ปัสสาวะช่วงเช้าแนะนำเพราะมีความเข้มข้นของฮอร์โมน hCG มากที่สุด หากตื่นเวลา 11 โมง ให้ใช้ปัสสาวะครั้งแรกของวันนั้น หรือหากต้องการตรวจในเวลาอื่น ควรงดดื่มน้ำมากเกินไปและงดปัสสาวะอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนการตรวจ เพื่อให้ฮอร์โมนในปัสสาวะมีความเข้มข้นเพียงพอ อีกทางเลือกคือเลื่อนการตรวจไปวันรุ่งขึ้น และใช้ปัสสาวะแรกของเช้าวันนั้นแทน

5. สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้เร็วที่สุดแค่ไหน

ชุดตรวจครรภ์ส่วนใหญ่สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้เร็วที่สุดประมาณ 10-14 วัน หลังการปฏิสนธิ หรือประมาณ 1-4 วัน หลังจากประจำเดือนขาด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความไวของชุดตรวจ และปัจจัยส่วนบุคคล ชุดตรวจตั้งครรภ์ที่มีความไวสูง (Early Detection) อาจตรวจพบได้เร็วกว่า แต่การตรวจเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดผลลบปลอม แนะนำให้ตรวจหลังประจำเดือนขาดแล้วเพื่อความแม่นยำที่สุด

6. ตรวจครรภ์เวลาไหนชัวร์สุด

เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการใช้ชุดตรวจตั้งครรภ์ตรวจครรภ์คือตอนเช้าโดยใช้ปัสสาวะครั้งแรกของวัน เนื่องจากมีความเข้มข้นของฮอร์โมน hCG สูงที่สุด ช่วงเวลาที่เชื่อถือได้มากที่สุดคือ 1 สัปดาห์หลังจากประจำเดือนขาด (หรือประมาณ 21 วัน หลังการมีเพศสัมพันธ์) ในช่วงนี้ระดับฮอร์โมน hCG ควรสูงเพียงพอที่ชุดตรวจทั่วไปจะสามารถตรวจพบได้ การตรวจช้ากว่านี้จะยิ่งให้ความแม่นยำสูงขึ้น

7. เริ่มตรวจครรภ์ได้ตอนไหน

เวลาที่เหมาะสมในการเริ่มตรวจครรภ์คือหลังจากประจำเดือนขาดแล้วอย่างน้อย 1 วัน ซึ่งปกติคือประมาณ 14 วัน หลังการตกไข่หรือการปฏิสนธิ ชุดตรวจครรภ์บางชนิดระบุว่าสามารถตรวจก่อนประจำเดือนขาดได้ แต่โอกาสผลลบปลอมจะสูงกว่า หากตรวจเร็วและได้ผลลบ แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกครั้งหลังผ่านไป 1 สัปดาห์ หากยังไม่มีประจำเดือน การตรวจตั้งแต่ 1 สัปดาห์ หลังประจำเดือนขาดจะให้ผลที่น่าเชื่อถือมากขึ้น

8. ผลตรวจครรภ์สามารถผิดพลาดได้ไหม

ชุดตรวจครรภ์สามารถให้ผลผิดพลาดได้ทั้งผลบวกปลอมและผลลบปลอม ผลลบปลอมมักเกิดจากการตรวจเร็วเกินไป ปัสสาวะเจือจาง ใช้ชุดตรวจตั้งครรภ์หมดอายุ หรือใช้งานไม่ถูกต้อง ส่วนผลบวกปลอมพบได้น้อยกว่าแต่อาจเกิดจากการแท้งบุตรระยะแรก ภาวะตั้งครรภ์ไข่ลม บางโรค หรือยาบางชนิดที่มี hCG เป็นส่วนประกอบ ความแม่นยำของชุดตรวจตั้งครรภ์โดยทั่วไปอยู่ที่ 97-99% เมื่อใช้อย่างถูกต้อง

9. ตรวจครรภ์ 1 ขีดแต่ท้อง เป็นไปได้ไหม

การตรวจได้ผลลบ (1 ขีด) แต่มีการตั้งครรภ์จริงเป็นกรณีของผลลบปลอม ซึ่งเป็นไปได้ในหลายกรณี เช่น ตรวจเร็วเกินไปทำให้ระดับฮอร์โมน hCG ยังต่ำเกินกว่าที่ชุดตรวจจะพบได้ ปัสสาวะเจือจางเกินไป ใช้ชุดตรวจไม่ถูกวิธี ชุดตรวจตั้งครรภ์หมดอายุหรือเสื่อมคุณภาพ หรือมีการตั้งครรภ์นอกมดลูกซึ่งมีระดับฮอร์โมนต่ำกว่าปกติ หากมีอาการของการตั้งครรภ์แต่ผลตรวจเป็นลบ ควรตรวจซ้ำหรือปรึกษาแพทย์

10. ชุดตรวจการตั้งครรภ์ขึ้น 1 ขีดเข้ม 1 ขีดจาง บอกอะไร

การที่ชุดตรวจครรภ์ขึ้น 1 ขีดเข้ม (มักเป็นขีด C หรือ Control) และอีก 1 ขีดจาง (มักเป็นขีด T หรือ Test) ถือเป็นผลบวก บ่งชี้ว่ามีการตั้งครรภ์ ความจางของขีด T อาจเกิดจากการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มต้นที่ระดับฮอร์โมน hCG ยังไม่สูงมาก ควรตรวจซ้ำหลังผ่านไป 2-3 วัน เพื่อดูว่าขีดจะเข้มขึ้นหรือไม่ หากขีดจางลงหรือหายไป อาจบ่งชี้ถึงการตั้งครรภ์ที่ไม่สมบูรณ์หรือการแท้งระยะต้น ควรปรึกษาแพทย์

สรุป

ชุดตรวจตั้งครรภ์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับผู้ที่วางแผนมีบุตร การเลือกใช้และใช้งานอย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้ผลที่แม่นยำ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อยืนยันผลและรับคำแนะนำในการดูแลครรภ์ต่อไป

คำถามที่พบบ่อย

Q: ชุดตรวจครรภ์สามารถใช้ได้เมื่อไหร่?

A: สามารถใช้ได้หลังจากประจำเดือนขาด 1-2 สัปดาห์ เพื่อความแม่นยำสูงสุด

Q: ทำไมต้องตรวจในตอนเช้า?

A: เพราะปัสสาวะตอนเช้าหรือปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนมีความเข้มข้นของฮอร์โมน hCG สูงที่สุด

Q: ถ้าผลเป็นบวกต้องทำอย่างไร?

A: ควรพบแพทย์เพื่อยืนยันผลและรับคำแนะนำในการดูแลครรภ์ที่เหมาะสม

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ได้ กรุณาปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญสำหรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ


ปรึกษาเรื่องสุขภาพ และการใช้ยากับเภสัช

คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

10 วิธี เวียนหัวกินอะไรหายเบื้องต้น ช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน

Next

10 ยาสระผมแก้รังแคยี่ห้อไหนดี ลดปัญหาคันหนังศีรษะ พร้อมวิธีแก้คันหัว

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2025
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. ทำความรู้จักกับชุดตรวจการตั้งครรภ์ ควร ใช้อย่างไรให้ได้ผลแม่นยำ
  7. 10 วิธี เวียนหัวกินอะไรหายเบื้องต้น ช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน
  8. 10 ยาสระผมแก้รังแคยี่ห้อไหนดี ลดปัญหาคันหนังศีรษะ พร้อมวิธีแก้คันหัว
  9. เม็ดสีเมลานิน คืออะไร มีประโยชน์ยังไง และช่วยเรื่องอะไรบ้าง
  10. อีฟนิ่งพริมโรส มีสรรพคุณและประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ควรกินตอนไหน
  11. 12 ลิปมันกันแดดบำรุงปากเนียนนุ่ม ลดปากคล้ำตัวเก่งที่วัตสัน
*/?>