เดี๋ยวนี้ปัญหามลพิษทางอากาศ ทั้งฝุ่น ควัน PM2.5 ค่อนข้างรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายไม่มากก็หน่อย อาจจะทำให้รบกวนระบบทางเดินหายใจ และในบางรายอาจจะส่งผลกระทบต่อผิวหนัง ทำให้เกิด “ผื่นแพ้อากาศ” ขึ้นมาได้ และเพื่อดูแลป้องกันผิวไม่ให้เกิดผื่น วัตสันเลยอยากชวนเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับอาการผื่นแพ้อากาศเพื่อให้รู้ว่าเราควรจะดูแลผิวยังไง ลองตามไปดูกันได้เลย
ผื่นแพ้อากาศ คืออะไร
ผื่นแพ้อากาศ เป็นอาการแพ้ของผิวหนัง ที่ตอบสนองจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ในอากาศ เช่นควันพิษ ฝุ่น PM2.5 รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างฉับพลัน เช่น ความร้อน ความเย็น และความชื้น เมื่อร่างกายมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเหล่านี้มากเกินไป จะทำให้เกิดผื่นอักเสบบริเวณใบหน้า ลำตัว แขน ขา หรือข้อพับ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยเด็ก
อาการของผื่นแพ้อากาศเป็นอย่างไร?
อาการของ ผื่นแพ้อากาศ (Airborne Contact Dermatitis) มักแสดงออกที่ผิวหนังเมื่อร่างกายสัมผัสกับมลภาวะ ฝุ่น ควัน เกสรดอกไม้ หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยอาการผื่นแพ้อากาศที่พบบ่อย ได้แก่
- ผิวหนังเป็นผื่นแดง อาจเป็นปื้นหรือกระจายเป็นวงกว้าง
- ตุ่มนูนหรือตุ่มเล็ก ๆ อาจขึ้นร่วมกับผื่นแดง
- ผิวแห้งและเป็นขุย ทำให้สัมผัสผิวหยาบกร้าน
- คันมาก โดยเฉพาะเวลาเหงื่อออก ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นให้คันจนอยากเกา
- เมื่อ เกาบ่อย ๆ อาจทำให้ผื่นลุกลาม หนาขึ้น และเกิดรอยคล้ำตามมา
- หากผิวเกิดแผลจากการเกา อาจเสี่ยงต่อการ ติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส จนเกิดตุ่มหนองหรือหูดได้
นอกจากนี้ ผู้ที่มีผื่นแพ้อากาศมักมีอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจร่วมด้วย เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก มีเสมหะ หรือบางครั้งอาจมีเลือดกำเดา รวมถึงอาการคันตา แสบตา และหูอื้อร่วมด้วย
ผื่นแพ้อากาศมีลักษณะอย่างไร?
ผื่นแพ้อากาศมักแสดงออกมาเป็นปื้นแดงบนผิวหนัง บางรายอาจมีตุ่มนูนเล็ก ๆ ร่วมด้วย ผิวบริเวณที่เป็นมักแห้ง แตก หรือมีขุย เมื่อเกิดอาการจะรู้สึกคันมาก และหากมีเหงื่อออกก็จะยิ่งกระตุ้นให้คันหนักกว่าเดิม หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะเกา แต่ยิ่งเกาก็ยิ่งทำให้ผื่นคันแพ้อากาศลุกลามมากขึ้น อาการมักมาเป็น ๆ หาย ๆ ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภูมิคุ้มกันของร่างกาย
หากไม่ได้รับการดูแล อาการผื่นแพ้อากาศอาจพัฒนาเป็นปัญหาผิวเรื้อรัง ผิวหนังจะหนาตัวและทิ้งรอยคล้ำไว้ อีกทั้งการเกามากเกินไปยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย หากติดเชื้อไวรัสอาจลุกลามจนเกิดเป็นหูด แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียอาจทำให้กลายเป็นตุ่มหนองได้
นอกจากนี้ ผู้ที่มีผื่นแพ้อากาศหลายคนยังมักมีอาการภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจร่วมด้วย เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันในลำคอหรือมีเสมหะ บางรายอาจมีเลือดกำเดาไหล รวมถึงอาการคันตา แสบตา หรือแม้กระทั่งหูอื้อและคันหู ซึ่งสะท้อนว่าผื่นแพ้อากาศที่ผิวหนังมักเกี่ยวข้องกับภูมิแพ้ในระบบอื่น ๆ ของร่างกายด้วย
ผื่นแพ้อากาศเกิดจากอะไร?
สำหรับสาเหตุของผื่นคันแพ้อากาศ โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ในอากาศ และนอกจากนั้นอาการผื่นภูมิแพ้ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุเหล่านี้ ได้แก่
สภาพอากาศ
ทั้งอากาศในฤดูร้อน ฝน หรืออากาศหนาว สามารถทำให้เกิดอาการผื่นขึ้นได้ เพราะ ในอากาศอบอ้าว อากาศที่มีความเย็นจัด อากาศที่มีความชื้นสูง ทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองขึ้นได้
สารก่อภูมิแพ้
สารที่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นในคนที่มีความไวต่อสารนั้นๆ เช่น เกสรดอกไม้ หญ้า วัชพืช ไรฝุ่น ควันบุหรี่ ละอองเชื้อรา ขนสัตว์ สารก่อภูมิแพ้จากแมลงในอากาศ รังแคสัตว์เลี้ยง เชื้อโรคต่าง ๆ เป็นต้น
สภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหนาและขนสัตว์
สภาพแวดล้อมที่สกปรก มีฝุ่นละอองหนาแน่น แมลงชุกชุม หรือมีมลพิษทางอากาศ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผื่นแพ้อากาศได้ โดยเฉพาะในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว หากมีการสะสมของขนสัตว์หรือรังแคสัตว์ตามพรม เฟอร์นิเจอร์ หรือที่นอน และไม่ได้ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้และผื่นผิวหนังได้มากยิ่งขึ้น
เชื้อโรค และแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส
สามารถกระตุ้นให้เกิดผื่นคันแพ้อากาศได้ เมื่อสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ไปจนถึงเกิดอาการผื่นภูมิแพ้ขึ้นได้ด้วย
สบู่ และผงซักฟอก
ส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์เป็นด่าง ส่งผลทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะผิวที่อ่อนแอจะค่อนข้างระคายเคืองได้ง่าย เมื่อเจอสิ่งที่มากระตุ้น เช่น ฝุ่น อากาศร้อน ก็ทำให้ผื่นขึ้นมาได้
ผื่นคันแพ้อากาศพบบ่อยที่ตำแหน่งไหน?
ผื่นแพ้อากาศ สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย แต่มักจะพบบ่อยบริเวณผิวที่บอบบาง หรือบริเวณผิวหนังที่มีการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้โดยตรง เช่น ใบหน้า ลำตัว คอ ข้อพับแขน ข้อพับขา เป็นต้น
การวินิจฉัยผื่นแพ้อากาศเป็นอย่างไร
สำหรับผู้ที่มีอาการ ผื่นแพ้อากาศ หรือผื่นที่เกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและสารก่อภูมิแพ้ แพทย์มักเริ่มจากการสอบถามประวัติสุขภาพ ประวัติการสัมผัสสารที่อาจก่ออาการแพ้ รวมถึงการตรวจร่างกายเบื้องต้น จากนั้นอาจใช้วิธีการวินิจฉัยที่เจาะลึกมากขึ้น เช่น
1. การตรวจชิ้นเนื้อผิวหนัง (Skin Biopsy)
แพทย์จะตัดชิ้นเนื้อขนาดเล็กจากผิวหนังที่มีอาการผื่นแพ้อากาศหรือผื่นที่เกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เพื่อส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ วิธีนี้ช่วยระบุได้ว่าผื่นเกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือโรคผิวหนังชนิดอื่น ๆ รวมถึงช่วยประเมินความรุนแรงของอาการเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
2. การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergy Skin Test)
เป็นการหยดสารสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นละออง ไรฝุ่น เชื้อรา หรือรังแคสัตว์ ลงบนผิว แล้วสังเกตว่ามีการตอบสนองหรือไม่ หากผู้ป่วยแพ้ จะเกิดตุ่มนูนแดงและคันขึ้นบริเวณที่ทดสอบ ซึ่งอาการจะหายไปเองในระยะสั้น วิธีนี้ช่วยระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นได้อย่างแม่นยำ
3. การตรวจเลือด (Blood Test)
ในกรณีที่การตรวจสองวิธีแรกยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ แพทย์อาจเจาะเลือดเพื่อตรวจหาสารก่อภูมิแพ้โดยตรง วิธีนี้ให้ผลรวดเร็วและแม่นยำ แต่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามแต่ละสถานพยาบาล
ผื่นแพ้อากาศกับโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ต่างกันอย่างไร?
ผื่นแพ้อากาศ เป็นหนึ่งในอาการของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันร่วมกับพันธุกรรม โดยมักมีอาการคัน ผื่นแดง ผิวแห้ง และลอกเป็นขุย อาการมักเป็นๆ หายๆ และอาจกำเริบเมื่อสัมผัสกับสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น อากาศแห้ง สารก่อภูมิแพ้ หรือแม้แต่อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงโรคนี้พบได้บ่อยในเด็ก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ได้เช่นกัน
ผู้ที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักมีผิวที่บอบบางและไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าคนทั่วไป จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการระคายเคืองหรือผื่นแพ้ได้ง่ายขึ้น
ผื่นแพ้อากาศรักษาอย่างไร?
สำหรับอาการผื่นแพ้อาการ มักจะมีอาการกำเริบเป็น ๆ หาย ๆ ตามช่วงที่ถูกสภาพแวดล้อมกระตุ้น การรักษาผื่นคันแพ้อากาศเลยต้องอาศัยความใส่ใจและมีวินัยอย่างมาก ต้องคอยหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวสัมผัสกับสารกระตุ้นอาการแพ้ให้มากที่สุด และอาจจะต้องรักษาด้วยการใช้ยาร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น
1. รับประทานยาแก้แพ้
หากมีอาการคันหรือผื่นจากภูมิแพ้ผิวหนัง อาจใช้ยาแก้แพ้ (ยาต้านฮิสตามีน) เพื่อช่วย บรรเทาอาการได้ ยากลุ่มนี้มีหลายประเภท ทั้งที่ออกฤทธิ์เร็ว หรือออกฤทธิ์ระยะยาว ซึ่งบางชนิดอาจทำให้ง่วงได้ การเลือกใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อให้เหมาะกับอาการและปลอดภัยต่อสุขภาพ
2. ทาครีมลดการอักเสบในกลุ่มสเตียรอยด์
ในผู้ที่มีผื่นคันจากอาการแพ้อากาศ แพทย์หรือเภสัชกรอาจแนะนำให้ใช้ครีมลดการอักเสบในกลุ่มสเตียรอยด์เพื่อช่วยบรรเทาอาการคันและผื่นแดง อย่างไรก็ตาม ยาในกลุ่มนี้ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น เพราะการใช้ไม่ถูกวิธีอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวบางหรือระคายเคืองเพิ่มขึ้นได้
3. หยอดตา หรือพ่นยาแก้แพ้อย่างเหมาะสม
หากมีอาการแพ้อากาศร่วมกับอาการภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น คันตา คัดจมูก หรือคันบริเวณปาก แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาหยอดตาหรือยาพ่นจมูกเพื่อบรรเทาอาการ โดยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา เพื่อให้เลือกใช้ยาในรูปแบบที่เหมาะสมกับอาการ และปลอดภัยในการรักษา
4. ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
การรักษาผื่นคันจากอาการแพ้อากาศ อาจใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยาแก้แพ้ หรือครีมลดการอักเสบในกลุ่มสเตียรอยด์ อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้น หรือไม่มั่นใจในการใช้ยาอย่างเหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง เพื่อประเมินสาเหตุและเลือกแนวทางการรักษาที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด
ป้องกันผื่นแพ้อากาศ อย่างไรได้บ้าง?
1. ไม่เกาบริเวณที่เกิดผื่นคัน
เพราะการเกาอาจทำให้ผื่นอักเสบมากขึ้น นอกจากนั้นมือเราอาจจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เมื่อนำไปเกาบริเวณผื่น อาจจะทำให้เกิดแผล และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อด้วย
2.ไม่อาบน้ำเป็นเวลานาน
การอาบน้ำเป็นเวลานาน อาจจะทำให้เกิดผิวแห้งและเกิดอาการระคายเคืองขึ้นมาได้ ระยะเวลาในการอาบน้ำที่เหมาะสมควรไม่เกิน 5-10 นาที และถ้าไม่จำเป็นแนะนำให้เลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด แนะนำให้อาบเป็นน้ำอุณหภูมิห้องแทน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง ระคายเคือง ลอกเป็นขุย และเป็นผื่นแพ้อากาศได้ง่าย
3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสูตรอ่อนโยน และให้ความชุ่มชื้น
เนื่องจากสบู่ส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์เป็นด่าง อาจจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะผิวที่อ่อนแอจะค่อนข้างระคายเคืองได้ง่าย เมื่อเจอสิ่งที่มากระตุ้น เช่น ฝุ่น อากาศร้อน ก็ทำให้ผื่นขึ้นมาได้ แนะนำให้เลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสูตรอ่อนโยน และให้ความชุ่มชื้น เพื่อฟื้นฟูสุขภาพผิว ลดอาการระคายเคือง ช่วยปรับสมดุลและรักษาความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง และควรบำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ
- BIODERMA ไบโอเดอร์มา ออโตเดิร์ม เจล ดูช 1000 มล. เจลอาบน้ำสูตรอ่อนโยน ผิวธรรมดา-ผิวแห้ง
- MIZUMI มิซึมิ เอ็กซ์ตรา ไมลด์ เฟเชียล เคลนเซอร์ เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนพิเศษ ขนาด 100 มล.
4. หมั่นซักเสื้อผ้า
ควรซักเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะฝุ่น สิ่งสกปรก หรือสารก่อภูมิแพ้อาจสะสมอยู่ในเนื้อผ้า และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองผิวได้ ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าหยาบหรือระคายเคืองผิว โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
5.สวมใส่หน้ากากอนามัย
อากาศภายนอกอาจปนเปื้อนมลพิษ เช่น ฝุ่น ควัน หรือ PM2.5 ซึ่งล้วนเป็นสารกระตุ้นที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวหรือระบบทางเดินหายใจที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ ควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้านเป็นประจำ
6.ทำความสะอาดที่พัก
การทำความสะอาดที่อยู่อาศัยเป็นประจำช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ที่เกาะอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายในบ้าน ควรหมั่นเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวต่าง ๆ และดูดฝุ่นตามซอกประตู หน้าต่าง รวมถึงปิดช่องเปิดต่าง ๆ ให้สนิท เพื่อลดการเล็ดลอดของฝุ่นจากภายนอก
7. นำสัตว์เลี้ยงไว้บริเวณนอกบ้าน
สำหรับคนที่มีอาการแพ้ขน หรือรังแคของสัตว์เลี้ยง ควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้าน เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้เลี้ยงไว้นอกตัวบ้านและหมั่นดูแลทำความสะอาดสัตว์อยู่เสมอ โดยควรสวมหน้ากากอนามัยขณะจัดการหรือทำความสะอาด เพื่อป้องกันการสูดดมสารก่อภูมิแพ้โดยตรง
8. พักผ่อนให้เพียงพอ และทานอาหารที่มีประโยชน์
สุขภาพร่างกายที่อ่อนแออาจทำให้ร่างกายไวต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ควัน หรือเชื้อโรคในอากาศมากขึ้น ส่งผลให้เกิดผื่นแพ้อากาศได้ง่ายขึ้น การดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีจึงเป็นพื้นฐานสำคัญ โดยควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6–8 ชั่วโมง และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของการเกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง
9. เลี่ยงการสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์และควันบุหรี่เป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ รวมไปถึงอาการผื่นภูมิแพ้ขึ้นมาได้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดความเสี่ยงของการกระตุ้นให้ผื่นกำเริบหรืออาการแย่ลง
10. หลีกเลี่ยง ฝุ่นละออง และมลภาวะต่าง ๆ
ฝุ่น ควัน และมลภาวะทางอากาศ ถือเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดผื่นคันแพ้อากาศได้ง่าย แม้จะอยากหลีกเลี่ยงต้นเหตุโดยตรง แต่ในชีวิตประจำวันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลีกเลี่ยงต้นเหตุที่ทำให้เกิดผื่นแพ้อากาศ ดังนั้นการมี “เกราะป้องกันผิว” จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยที่ขาดไม่ได้คือ ครีมกันแดด นอกจากช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสี UV ที่เป็นสาเหตุของผื่นแพ้อากาศร้อนแล้ว ยังทำหน้าที่เสมือนชั้นเคลือบผิว ช่วยลดการเกาะของฝุ่นละอองและมลภาวะ ทำให้ผิวไม่อักเสบง่าย และลดโอกาสเกิดผื่นแพ้อากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
11. ไม่อาบน้ำที่อุณหภูมิร้อนเกินไป
การอาบน้ำด้วยน้ำที่ร้อนเกินไปอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวแห้ง ระคายเคือง ลอกเป็นขุย และคันได้ง่าย เมื่อผิวอ่อนแอจึงมีโอกาสกระตุ้นให้เกิดผื่นแพ้อากาศตามมาได้ ดังนั้นควรใช้น้ำอุ่นในระดับที่เหมาะสมแทน นอกจากเรื่องอุณหภูมิน้ำแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หากเลือกใช้ คลีนซิ่ง เจลล้างหน้า หรือครีมอาบน้ำที่มีสูตรอ่อนโยน ปราศจากสารที่ทำร้ายผิว ก็จะช่วยลดการระคายเคืองและลดโอกาสเกิดผื่นแพ้อากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
12. หลีกเลี่ยงสบู่ ผงซักฟอก ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
หากไม่อยากเป็นผื่นคันแพ้อากาศ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกายที่มี ฤทธิ์เป็นด่าง เพราะค่า pH ที่ไม่สมดุลอาจทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง และเกิดผื่นแพ้อากาศได้ง่าย นอกจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแล้ว ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม แม้จะไม่ได้สัมผัสกับผิวโดยตรง แต่เสื้อผ้า ผ้าขนหนู หรือผ้าเช็ดหน้าที่ซักด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เมื่อสัมผัสหรือเสียดสีกับผิวซ้ำ ๆ โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนและมีเหงื่อ จะยิ่งเพิ่มการระคายเคืองและเสี่ยงต่อการเกิดผื่นแพ้อากาศมากขึ้น ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนและมีค่า pH ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลผิวให้แข็งแรง
13. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หากมีอาการ ผื่นแพ้อากาศเกิดซ้ำบ่อย ๆ ควรเข้าพบแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ เพื่อรับคำแนะนำและแนวทางการดูแลที่เหมาะสม การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้สามารถหาสาเหตุที่แท้จริง วางแผนการรักษา รวมถึงเลือกใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงที่ปลอดภัยและตรงกับสภาพผิวของแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาการผื่นแพ้อากาศ ส่งผลกระทบอย่างไรต่อการใช้ชีวิต
อาการ ผื่นแพ้อากาศ แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สามารถรบกวนการใช้ชีวิตได้หลายด้าน โดยระดับความรุนแรงของอาการผื่นแพ้อากาศจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ตัวอย่างผลกระทบที่พบได้บ่อย ได้แก่
1. ด้านการทำงานและการเรียน
อาการผื่นคันแพ้อากาศ การระคายเคือง และผื่นแดงบนผิวหนัง อาจทำให้เสียสมาธิในการทำงานหรือเรียนหนังสือได้ ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงและไม่สามารถโฟกัสกับงานที่ทำอยู่ได้เต็มที่
2. ด้านการออกกำลังกาย
ผู้ที่เป็นผื่นแพ้อากาศมักรู้สึกไม่สบายตัวเวลาที่เหงื่อออกหรือมีความอับชื้น ส่งผลให้ไม่สามารถออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และบางครั้งอาจทำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งไปเลย
3. ด้านการพักผ่อน
อาการผื่นคันแพ้อากาศที่มักกำเริบในช่วงกลางคืนสามารถรบกวนการนอนหลับ ทำให้นอนหลับไม่สนิท พักผ่อนไม่เพียงพอ และตื่นมาไม่สดชื่น ซึ่งอาจสะสมจนส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้
คำถามที่พบบ่อย
ผื่นแพ้อากาศระดับไหนควรไปหาหมอ?
ควรไปพบแพทย์เมื่อมีผื่นคันแพ้อากาศที่รุนแรงหรือมีอาการผิดปกติร่วมด้วย เช่น ผื่นลามเป็นบริเวณกว้าง, มีอาการคันมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน, มีอาการเจ็บปวด, มีหนอง, มีไข้, หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก หรือบวม
ผื่นแพ้อากาศกี่วันหาย?
ผื่นแพ้อากาศ (Allergic rash) จะหายภายในกี่วันนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรุนแรงของอาการ, สาเหตุที่แพ้, และการดูแลรักษาตัวเอง โดยทั่วไปผื่นแพ้อากาศอาจหายได้เองภายใน 2-3 วัน หรืออาจใช้เวลานานถึง 2-3 สัปดาห์ หากอาการผื่นแพ้อากาศรุนแรง หรือเป็นผื่นคันแพ้อากาศชนิดเรื้อรัง
ดูยังไงว่าเป็นภูมิแพ้อากาศ?
มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จามบ่อย คันในจมูก และมีเสมหะไหลลงคอ
ผื่นอะไรยิ่งเกายิ่งลาม?
ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) เป็นผื่นแดงคัน ถ้ายิ่งเกาจะยิ่งทำให้ผื่นขยายขนาดขึ้น นูนหนามากขึ้น บางคนอาจเกาแล้วมีน้ำใส ๆ ออกมา กลายเป็นตุ่มเล็ก ๆ ใส ๆ ผื่นจะดูแดง แฉะ และอักเสบกว่าเดิม
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเป็นแบบไหน?
ลักษณะอาการของผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่พบบ่อย คือ ผื่นผิวหนังอักเสบ, แดง, แห้ง, บริเวณคอ, ซอกพับ, ด้านในแขนและขา มีอาการเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ ลักษณะของผื่นที่พบได้ มักเป็นตุ่มหรือผื่นแดง อาจพบเป็นตุ่มน้ำใสแตกเป็นแผลมีน้ำเหลืองไหลได้ มีอาการคันมาก หากเป็นแบบเรื้อรัง ผื่นจะมีความหนาแข็ง เป็นขุย
อาการผื่นแพ้อากาศแม้จะไม่ใช่ภาวะร้ายแรง แต่ก็ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและสุขภาพผิวในระยะยาว โดยเฉพาะในคนที่มีอาการภูมิแพ้อยู่แล้ว การปรับพฤติกรรม หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองจึงเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลผิว ซึ่งที่ Watsons มีไอเทมบำรุงที่มีความอ่อนโยนให้เลือกมากมาย สามารถไปช้อปได้ทั้งที่ร้านค้าและออนไลน์ได้เลย
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/october-2021/atopic-dermatitis
https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=196
https://www.bioderma.co.th/your-skin/sensitive-skin/airborne-allergic-rash#p-5315
https://www.exta.co.th/how-to-prevent-allergic-rash-airborne/
https://drviiclinic.com/article/airborne-allergic-rash
คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ
- 10 สเปรย์ล็อคผม 2025 ล็อคผมแน่น จะทรงไหนก็เอาอยู่
- มัดรวม 3 ไอเดีย ทรงผมเวนดี้ ทรงผมสั้นสไลด์เลเยอร์ เปลี่ยนลุกให้คูลแอนด์คิวท์
- 10 มีดโกนผู้หญิงยี่ห้อไหนดี โกนได้ทุกส่วน ไม่บาดผิว
- รังแค สัญญาณ ที่บอกว่าหนังศีรษะของคุณต้องได้รับการดูแล จริงจัง
- เปิดตัวน้องใหม่ Hada Labo+ จากบ้าน Hada Labo ไอเท็มเด็ดฟื้นผิวให้ Perfect หลังทุกหัตการ




