โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share

เชื่อว่าใคร ๆ ก็อยากมีใบหน้าเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อยู่ตลอด แต่พออายุเพิ่มขึ้นปริมาณของอิลาสติน และคอลลาเจน ตัวช่วยให้ผิวเต่งตึงกลับลดลงไปด้วย ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย ๆ เลย ดังนั้นสกินแคร์ประเภทหนึ่งที่เหล่าวัยรุ่น 20 ตอนปลาย และวัย 30+ ควรทำความรู้จักเอาไว้เลย ก็สกินแคร์เรตินอล คือตัวช่วยบำรุงผิวที่เด่นในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย แล้วเจ้าเรตินอล ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ลองตามไปดูกันต่อในบทความนี้เลย

เรตินอล  คืออะไร (Retinol)

เรตินอล คือสารชนิดหนึ่งในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ จัดอยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ (retinoids) แล้วเรตินอล ช่วยเรื่องอะไร คำตอบคือช่วยในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย รวมไปถึงรอยดำจากสิว จุดด่างดำต่าง ๆ นอกจากนั้นเรตินอล ยังมีส่วนช่วยให้ผิวเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ เพราะเรตินอลจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ริ้วรอยค่อย ๆ ลดเลือน ผิวดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น เรตินอล เลยมักจะพบในสกินแคร์ลดเลือนริ้วรอย หรือกลุ่ม Anti-Aging ด้วยนั่นเอง

เรตินอล vs เรตินอยด์ต่างกันอย่างไร?

เรตินอยด์ คือกลุ่มสารอนุพันธ์ของวิตามินเอที่ช่วยเพิ่มการผลัดเซลล์ผิว และลดเลือนริ้วรอย ส่วนเรตินอล คือเรตินอยด์ชนิดหนึ่งที่มีความเข้มข้นต่ำกว่า และอ่อนโยนกว่า สามารถพบเรตินอลได้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไปที่ซื้อโดยไม่ต้องมีใบสั่งยา จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินเอ

เรตินเอ คืออะไร

เรตินเอ (Retin-A) คือกรดวิตามินเอที่อยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ ซึ่งใช้ในการรักษา และป้องกันสิวอุดตัน สิวอักเสบ ลดริ้วรอย และช่วยให้ผิวแลดูเรียบเนียน นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใส และกระจ่างใสขึ้น ซึ่งเรตินเอส่วนมากจะผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น และอาจระคายเคืองได้ง่ายกว่า ปกติแล้วจะใช้สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวเป็นหลัก เพราะมีส่วนช่วยในการลดสิวอุดตัน 

เรตินเอต่างจากเรตินอลอย่างไร

เรตินเอ และเรตินอล คืออนุพันธ์ของวิตามินเอเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันตรงที่เรตินเอ (Tretinoin) มีฤทธิ์แรงกว่า และเข้มข้นกว่าเรตินอลประมาณ 10-20 เท่า แต่เรตินอล (Retinol) มีฤทธิ์ค่อนข้างอ่อนโยนกว่า การใช้เรตินเอจะต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์ ส่วนเรตินอลสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาโดยไม่ต้องมีใบสั่งยา และด้วยความที่เรตินเอค่อนข้างรุนแรงกว่าเรตินอล จึงทำให้เรตินเอมีแนวโน้มทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแห้ง ระคายเคือง มากกว่าเรตินอลด้วย

เรตินอล  คือสารชนิดหนึ่งในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ

เรตินอลมีกี่แบบ

Retinyl esters

Retinyl esters จัดอยู่ในอนุพันธ์วิตามินเอที่อยู่ในกลุ่มเครื่องสำอาง ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยเอนไซม์ที่ผิวในการทำปฏิกิริยาถึง 3 ครั้งจึงจะออกฤทธิ์ได้ ทำให้เห็นผลช้า แต่เป็นสารที่เข้มข้นน้อยที่สุด และอ่อนโยนมากที่สุด เลยเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายด้วย

Retinol

Retinol หรือ เรตินอล คืออนุพันธ์วิตามินเอที่อยู่ในกลุ่มเครื่องสำอาง เหมือนกันกับ Retinyl esters ต้องอาศัยเอนไซม์ที่ผิวในการทำปฏิกิริยาถึง 2 ครั้งก่อนจะเปลี่ยนเป็น Retinoic Acid ที่สามารถออกฤทธิ์ได้ มีความเข้มข้นระดับปานกลาง มักจะนำมาใช้บำรุงผิวยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย ซึ่งจะได้ผลดีถ้าหากใช้ต่อเนื่อง 3-6 เดือน แต่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย ควรใช้อย่างระมัดระวัง

Retinaldehyde

Retinaldehyde หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า เรตินอล (Retinal) เป็นอนุพันธ์วิตามินเอที่อยู่ในกลุ่มเครื่องสำอาง ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Retinoic Acid มีความเข้มข้นระดับปานกลางถึงมาก มีฤทธิ์แรงกว่าเรตินอล และเห็นผลเร็วกว่า ถ้าใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยเรื่องลดริ้วรอยร่องลึก และช่วยให้ผิวเรียบเนียนได้

Retinoic acid หรือ Tretinoin

Retinoic acid หรือ Tretinoin จัดอยู่ในอนุพันธ์วิตามินเอที่อยู่ในกลุ่มยา โดย Retnoic acid จะอยู่ในรูป Active form สามารถออกฤทธิ์ได้ทันที รู้จักกันในชื่อ Retin-A มักจะนำมาใช้ในการรักษาสิว ยับยั้งกระบวนการที่ทำให้เกิดสิว ทั้งสิวอุดตัน และสิวอักเสบ และยังช่วยให้การรักษาหลุมสิว ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้ครับ Retinoic acid เป็นสารที่มีความเข้มข้นสูง มีโอกาสเกิดการระคายเคืองได้มาก จะต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น

Adapalene

Adapalene จัดอยู่ในอนุพันธ์วิตามินเอที่อยู่ในกลุ่มยา และจะเด่นในเรื่องการรักษาสิวโดยเฉพาะ เป็นที่รู้จักในชื่อ Differin และสามารถใช้รักษาอาการอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์

Tazarotene

Tazarotene จัดอยู่ในอนุพันธ์วิตามินเอที่อยู่ในกลุ่มยา มักจะนำมาใช้ในการรักษาสิวและโรคสะเก็ดเงิน มีความเข้มข้นสูง ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น


เรตินอล ช่วยเรื่องอะไร และเปลี่ยนแปลงผิวของคุณได้อย่างไร

เรตินอล คือ ฮีโร่คนสำคัญที่ช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอย ความเสียหายจากแสงแดด จุดด่างดำ รอยร่องลึก อย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงแต่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยหลังใช้เป็นประจำทุกวันเท่านั้น ทว่ายังสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้อีกด้วย

จากการศึกษาพบว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายตามเคาน์เตอร์ซึ่งมีเรตินอลเป็นส่วนประกอบร้อยละ 0.1 (สำหรับการใช้งานเป็นเวลานาน และเป็นประจำ) แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่สำคัญในการซ่อมแซมริ้วรอย โดยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นภายในหนึ่งเดือน

นอกจากนี้ เรตินอล คือสกินแคร์สูตรอ่อนโยนสำหรับคนเป็นสิวเล็กน้อย ประโยชน์ของเรตินอลสำหรับผิวที่เกิดสิวง่าย คือ การควบคุมการผลิตน้ำมัน และการไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน ดังนั้นจึงสามารถช่วยลดขนาดรูขุมขน ป้องกันการเกิดสิว ลดรอยแผลเป็นจากสิวให้จางลง

เรตินอลช่วยเรื่องอะไร และเหมาะกับใคร (Retinol)

เรตินอล (Retinol) มีคุณสมบัติในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย รวมไปถึงรอยดำจากสิว จุดด่างดำต่าง ๆ และยังมีส่วนช่วยให้ผิวเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ เลยเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหลายชนิด เช่น ริ้วรอย รอยคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยแผลเป็นจากสิว สิวอุดตัน และสำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้นด้วย 

เรตินอลช่วยเรื่องอะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อผิว (Retinol)

เรตินอล คือสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน


เมื่ออายุมากขึ้นผิวจะผลิตคอลลาเจนลดลง ซึ่งเรตินอลมีคุณสมบัติสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ และยังมีส่วนช่วยในการลดเลือนริ้วรอยอีกด้วย

เรตินอล คือสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่


เรตินอลมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวด้วย และหลังจากผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป เรตินอลยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เผยให้ผิวใหม่กระจ่างใสและเรียบเนียนกว่าเดิมด้วย

เรตินอล คือสารที่ช่วยลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี

นอกจากคุณสมบัติลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ เรตินอลยังมีส่วนช่วยลดเลือนฝ้า กระแดด และจุดด่างดำที่เกิดจากรังสี UV ได้ด้วยคุณสมบัติลดการทำงานของเซลล์เม็ดสี

เรตินอล คือสารที่ช่วยลดเลือนรอยสิว


เรตินอลจะช่วยลดการอักเสบของสิว ควบคุมความมันบนใบหน้า และช่วยผลัดเซลล์ผิวให้จุดด่างดำ รอยดำจากสิว และฝ้ากระจ่างใสขึ้น

เรตินอล คือสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ


เรตินอลมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย และยังช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระได้อย่างดี เรตินอลจึงมีส่วนช่วยป้องกันปัญหาผิวหมองคล้ำ และริ้วรอยได้ดีเลย

ควรทาเรตินอลในตอนกลางคืน

วิธีการใช้เรตินอล คือ

ควรใช้เรตินอลตอนกลางคืน

จากผลข้างเคียงของเรตินอลที่อาจทำให้ผิวไวต่อแสง จึงควรทาเรตินอลในตอนกลางคืนจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด  เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเจอกับแสงมากเกินไป ทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย 

ทาปริมาณน้อยในช่วงแรก


ถึงแม้ว่าเรตินอลสามารถใช้ได้ทุกวัน แต่เพื่อให้ผิวได้ปรับตัวสำหรับคนเพิ่งเริ่มใช้ แนะนำให้ใช้ในปริมาณน้อย เพียงสัปดาห์ละ 2 วัน และเพิ่มความถี่เป็นวันเว้นวัน เพื่อให้ผิวทำการปรับสภาพ และปรับความคุ้นเคยกับเรตินอล แล้วจึงใช้ได้ทุกวัน

ควรใช้คู่กับครีมกันแดดและมอยส์เจอไรเซอร์


เนื่องจากผลข้างเคียงของเรตินอล ที่อาจทำให้ผิวไวต่อแสง และคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิวอาจทำให้เกิดการระคายเคือง จึงควรใช้เรตินอลควบคู่กับครีมกันแดด และมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อป้องกันและปลอบประโลมผิวด้วย

เทคนิคการใช้เรตินอลในการบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพ

วิธีการใช้เรตินอลค่อนข้างจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง สำหรับใครที่อยากใช้เรตินอลในการบำรุงผิว ให้ได้ผลดีที่สุด ควรเริ่มใช้เรตินอลในปริมาณที่น้อยหรือมีความเข้มข้นต่ำก่อน เช่น 0.1% เพื่อให้ผิวได้ทำความคุ้นเคยกับเรตินอลในการปรับสภาพผิว และเพื่อทดสอบการแพ้ของผิวด้วย

โดยปริมาณเรตินอลที่แนะนำในการใช้ต่อครั้งคือประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว และควรทาบาง ๆ เน้นย้ำว่าไม่ควรทาเรตินอลเยอะเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ ส่วนความถี่ในการใช้เรตินอล ในสัปดาห์แรก ให้ใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ต่อมาในสัปดาห์ที่ 2 เพิ่มความถี่ในการใช้เป็น วันเว้นวัน จนถึงในสัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไปสามารถใช้ทุกคืนได้ 


ข้อควรระวังการใช้เรตินอล คือ

  • ไม่ควรใช้เรตินอลพร้อมกับกรดที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA BHA และวิตามินซี หากต้องการใช้ อาจใช้คนละช่วงเวลากัน เช่น ใช้วิตามินซีในตอนเช้า และใช้เรตินอลในตอนกลางคืน
  • ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไปก่อนออกจากบ้านเสมอ เนื่องจากการใช้เรตินอลอาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวบาง
  • การใช้เรตินอลในช่วงแรกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น ผิวแดง แสบ คัน และลอก รวมทั้งอาจทำให้สิวขึ้นมากผิดปกติ เนื่องจากเรตินอลช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ดันสิวที่อุดตันอยู่ใต้ผิวหนังออกมา และการใช้เรตินอลอาจทำให้ผิวไวต่อแสงด้วย
  • ควรใช้เรตินอลเฉพาะในช่วงกลางคืนหรือก่อนอน เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอกับแสงแดด และรังสี UV
  • ควรเริ่มใช้ทีละน้อย ทาเฉพาะตอนกลางคืน และในช่วงเริ่มต้นควรใช้แค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เนื่องจากผลข้างเคียงของเรตินอลอาจทำให้ผิวแห้ง ลอก แดง ระคายเคือง
  • หากใช้ยาทารักษาสิวอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เรตินอล
  • ห้ามใช้ในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ วางแผนตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะสารกลุ่มวิตามินเอ จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติในทารกได้
  • คนที่มีผิวแพ้ง่าย และผิวแห้งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้เรตินอล โดยอาจเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำก่อน เพื่อลดความเสี่ยงของการระคายเคืองผิว
  • ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง และเป็นสิวรุนแรงไม่ควรใช้เรตินอล เนื่องจากเป็นสารที่ออกฤทธิ์รุนแรงต่อผิว และอาจเกิดการระคายเคืองผิวได้

ผลข้างเคียงของเรตินอยด์ หรือเรตินอล คืออะไร

ถึงแม้ว่าเรตินอลจะไม่ใช่สารอันตราย แต่ด้วยความที่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว การใช้เรตินอลในช่วงแรกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังอย่าง ผิวแดง แสบ คัน และผิวลอก รวมทั้งอาจจะทำให้สิวขึ้นมากผิดปกติ และอาจจะทำให้เกิดผิวแห้งและผิวไวต่อแสง จึงควรใช้เรตินอลควบคู่กับมอยส์เจอไรเซอร์ และกันแดดเป็นประจำ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้เรตินอล คือ

คุณจะเพิ่มเรตินอลลงในการปรนนิบัติผิวที่ทำเป็นกิจวัตรประจำวันได้อย่างไร

วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มเรตินอลลงในขั้นตอนการบำรุงผิวของคุณ คือการเริ่มต้นด้วยการใช้เรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำ จนกว่าผิวหน้าของคุณจะสร้างความอดทนขึ้นทีละนิด สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ เรตินอลควรเริ่มใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แล้วค่อย ๆ เพิ่มความถี่เป็นวันเว้นวัน หรือทุกวัน หากพบว่ามีอาการแดง หรือผิวลอกเป็นขุย แนะนำให้จำกัดการใช้เรตินอลของคุณ หรือลดความเข้มข้นลง

ส่วนผสมที่ดีที่สุดในการจับคู่กับเรตินอล

สิ่งที่ควรทำหลังการเริ่มต้นใช้เรตินอล คือ

  • ทาครีมกันแดดทุกครั้ง 

เรตินอล คือสารที่อาจสามารถทำให้ผิวหนังของคุณบางลง และลด “ความสามารถในการปกป้องผิว” ดังนั้น แม้ว่าตัวเรตินอลเองจะไม่ได้ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ทว่าคุณควรมีมาตรการปกป้องผิวของคุณจากแสงแดดอยู่เสมอ เช่น การทาครีมกันแดดทุกวัน

  • อดทนอดกลั้น และอยู่กับมันให้ได้

แม้ว่าจะมีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่เร็วที่สุดในหนึ่งเดือน แต่ก็อาจใช้เวลาถึง 12 สัปดาห์ กว่าพวกเขาจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวตัวเองในทางที่ดี

สิ่งที่ไม่ควรทำหลังการเริ่มต้นใช้เรตินอล คือ

  • ไม่ควรใช้มากเกินไป

ใช้เรตินอลเพียงวันละครั้ง และทาบาง ๆ ในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ อย่าลืมว่าผิวของคุณต้องใช้เวลาในการปรับตัว แม้ว่าปริมาณ และความถี่ที่เพิ่มขึ้นจะสามารถช่วยเร่งกระบวนการผลิตคอลลาเจน แต่ก็อาจทำให้ผิวของคุณเป็นรอยแดงและระคายเคืองมากยิ่งขึ้น


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้เรตินอล คือ

Retinol ใช้ได้ทุกวันไหม

ถึงแม้ว่าเรตินอลจะไม่ใช่สารอันตราย แต่ด้วยความที่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว การใช้เรตินอลในช่วงแรกอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การระคายเคืองต่อผิวหนังอย่าง ผิวแดง แสบ คัน และผิวลอก รวมทั้งอาจจะทำให้สิวขึ้นมากผิดปกติด้วย ในช่วงแรกจึงควรใช้เรตินอล สัปดาห์ละ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ทาเฉพาะตอนกลางคืน หากไม่มีผลข้างเคียง สามารถค่อย ๆ เพิ่มความถี่การใช้เป็นวันเว้นวัน และเพิ่มเป็นทุกวันได้

เรตินอลทาตอนไหน

การใช้เรตินอลอาจทำให้ผิวไวต่อแสง ถ้าจะให้ดีแนะนำทาช่วงกลางคืนหรือก่อนนอน เพราะการทาตอนกลางคืนจะช่วยทำให้ผิวได้มีเวลาพัก และฟื้นฟูผิว และก่อนออกจากบ้านในช่วงเช้าควรทากันแดดเป็นประจำ พร้อมกับหลีกเลี่ยงการเจอแดดแรงโดยตรง

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีกังวลในเรื่องของริ้วรอย หรือใครที่กำลังมีปัญหาริ้วรอย และผิวไม่สม่ำเสมออยู่ สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล น่าจะเป็นหนึ่งทางเลือกดูแลผิวที่ตอบโจทย์เลย แต่อย่างที่ได้บอกไปว่าการใช้เรตินอลนั้น มีข้อจำกัดอยู่บ้าง ใครที่เพิ่งเริ่มใช้แนะนำให้เว้นระยะห่างในการใช้ เลี่ยงการใช้เรตินอลคู่กับวิตามินซี กรด AHA, BHA ลดการระคายเคือง และป้องกันผิวไวต่อแสง ด้วยการใช้เรตินอลควบคู่กับมอยส์เจอไรเซอร์ และกันแดด จะได้ใช้เรตินอลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.pobpad.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A5-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%9E

https://www.eucerin.co.th/about-skin/basic-skin-knowledge/what-is-retinol?srsltid=AfmBOoqm6d7GHWLnfY7yb8PnZ1L6z8qPFAnrBGQ4pAwcaCvV19Vbmxh5

https://www.vsquareclinic.com/tips/retinoid/

คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

10 ประโยชน์จากใบบัวบก และไอเทมสารสกัดจากใบบัวบก

Next

10 สครับขัดผิวหน้า ผิวเนียนใสกิ๊ง

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2025
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. ทำความรู้จักกับชุดตรวจการตั้งครรภ์ ควร ใช้อย่างไรให้ได้ผลแม่นยำ
  7. ไฟเบอร์ควรกินตอนไหน กินทุกวันได้ไหม แนะนำวิธีกินไฟเบอร์ให้ถูกวิธี
  8. 10 วิธี เวียนหัวกินอะไรหายเบื้องต้น ช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน
  9. 7 ยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว ยี่ห้อไหนดี 2025 พร้อมข้อดี และข้อที่ควรรู้
  10. 10 ยาสระผมแก้รังแคยี่ห้อไหนดี ลดปัญหาคันหนังศีรษะ พร้อมวิธีแก้คันหัว
  11. อีฟนิ่งพริมโรส มีสรรพคุณและประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ควรกินตอนไหน
*/?>