ยาคุมฉุกเฉินมีผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรอบเดือนได้หลายรูปแบบ การที่กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มาไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งชี้การตั้งครรภ์เสมอไป ฮอร์โมนในยาสามารถรบกวนการตกไข่ และวงจรการมีประจำเดือน ทำให้เกิดความล่าช้าของรอบเดือน เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ในบทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา และเมื่อใดควรกังวลหรือปรึกษาแพทย์
ยาคุมฉุกเฉินคือ ?
ยาคุมฉุกเฉินเป็นผลิตภัณฑ์ฮอร์โมนที่ใช้หลังการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันในการลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ โดยยาคุมฉุกเฉินจะออกฤทธิ์ด้วยการยับยั้ง หรือชะลอการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสมแล้ว หรือทำให้มูกปากมดลูกเหนียวขึ้นซึ่งยากต่อการเคลื่อนที่ของอสุจิ ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ จึงควรใช้เป็นทางเลือกในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
ยาคุมฉุกเฉินมีสองรูปแบบหลักที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ คือ ยาเม็ดฮอร์โมน และห่วงอนามัยทองแดง ยาเม็ดฮอร์โมนในร้านยาส่วนใหญ่มักพบในรูปแบบ 1 เม็ด หรือ 2 เม็ด ต้องรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ในขณะที่ห่วงอนามัยทองแดงสามารถใส่ได้ภายใน 5 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ และมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่จำเป็นต้องเข้าพบแพทย์เพื่อใส่ห่วงคุมกำเนิด
สาเหตุที่กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา
การที่กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มาภายใน 7 วันนั้น มีสาเหตุได้หลายประการ ได้แก่
1. ผลข้างเคียงของยา
ยาคุมฉุกเฉินมีฮอร์โมนในปริมาณสูง ซึ่งอาจรบกวนการทำงานของระบบฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้รอบเดือนผิดปกติได้ ฮอร์โมนในยาคุมฉุกเฉินทำหน้าที่ชะลอ หรือยับยั้งการตกไข่ ซึ่งอาจทำให้หลังการกินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มาได้และอาจส่งผลกระทบต่อความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้รอบเดือนอาจมาเร็วขึ้น หรือช้าลงกว่าปกติได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนนี้เป็นภาวะชั่วคราว และมักจะกลับสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 รอบเดือน
2. ความเครียด และความวิตกกังวล
ความเครียดมีผลต่อการทำงานของฮอร์โมน ยิ่งกังวลมาก ยิ่งอาจทำให้ประจำเดือนมาช้า เนื่องจากความเครียดจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งสามารถรบกวนการทำงานของสมองส่วนไฮโปธาลามัสที่ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนเพศ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ หรือการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยอาจเพิ่มระดับความเครียด ส่งผลให้ประจำเดือนมาช้าหรือขาดไป แม้จะไม่ได้ตั้งครรภ์ก็ตาม
3. การตั้งครรภ์
แม้จะกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะถ้ากินยาช้าเกินไป ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินจะลดลงตามเวลาที่ผ่านไป โดยมีอัตราความสำเร็จประมาณ 85% ถ้าใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และลดลงเหลือประมาณ 58% หากใช้ในวันที่ 4-5 นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น น้ำหนักตัวมาก การใช้ยาบางชนิด หรือการมีเพศสัมพันธ์อีกครั้งหลังกินยา ก็อาจลดประสิทธิภาพของยาได้
สังเกตอาการหลังกินยาคุมฉุกเฉิน
เมื่อกินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา ควรสังเกตอาการดังนี้
เลือดออกกะปริดกะปรอย
การมีเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือเลือดออกนอกรอบเดือนเป็นอาการที่พบได้บ่อยหลังกินยาคุมฉุกเฉิน เนื่องจากฮอร์โมนในยามีผลต่อเยื่อบุโพรงมดลูก เลือดที่ออกมักมีสีน้ำตาล หรือแดงเข้ม ปริมาณน้อยกว่าประจำเดือนปกติ และอาจออกเพียง 1-2 วัน ซึ่งไม่ควรสับสนกับประจำเดือนปกติ อาการนี้ไม่ใช่สัญญาณอันตราย และไม่จำเป็นต้องรักษา อย่างไรก็ตาม หากมีเลือดออกมากผิดปกติหรือนานเกิน 7 วัน ควรปรึกษาแพทย์
อาการคลื่นไส้
อาการคลื่นไส้เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังกินยาคุมฉุกเฉิน เนื่องจากฮอร์โมนในยามีผลต่อระบบทางเดินอาหาร อาการมักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังกินยา และหายไปเองภายใน 1-2 วัน อาการคลื่นไส้อาจคล้ายกับอาการของการตั้งครรภ์ แต่หากเกิดเร็วเกินไป (ภายใน 1-2 วันหลังมีเพศสัมพันธ์) มักเป็นผลข้างเคียงของยามากกว่า ควรดื่มน้ำมาก ๆ และทานอาหารเบา ๆ เพื่อบรรเทาอาการ หากคลื่นไส้รุนแรงจนอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังกินยา ควรปรึกษาแพทย์
เจ็บหน้าอก
ความรู้สึกเจ็บหรือตึงที่เต้านมเป็นอาการที่พบได้หลังกินยาคุมฉุกเฉิน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้เนื้อเยื่อเต้านมไวต่อการกระตุ้นมากขึ้น อาการมักไม่รุนแรง และหายไปเองภายใน 1-2 วัน แต่ในบางรายอาจคงอยู่จนถึงรอบเดือนถัดไป การประคบเย็นหรือสวมเสื้อชั้นในที่พอดีอาจช่วยบรรเทาอาการได้ อาการเจ็บหน้าอกอาจคล้ายกับอาการของการตั้งครรภ์ แต่หากเกิดเร็วเกินไปหลังมีเพศสัมพันธ์ มักเป็นผลข้างเคียงของยามากกว่า
ปวดท้องน้อย
อาการปวดท้องน้อยหลังกินยาคุมฉุกเฉินเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่มีผลต่อกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดบิดหรือปวดตื้อ ๆ คล้ายอาการปวดประจำเดือน อาการมักไม่รุนแรง และหายไปเองภายใน 1-2 วัน การประคบอุ่น หรือรับประทานยาพาราเซตามอลอาจช่วยบรรเทาอาการได้ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดรุนแรง ปวดเฉียบพลัน หรือปวดร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ไข้ อาเจียน เลือดออกผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง
อ่อนเพลีย
ความรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หรือไม่มีแรง เป็นผลข้างเคียงที่พบได้หลังกินยาคุมฉุกเฉิน เนื่องจากฮอร์โมนในยามีผลต่อระบบเมตาบอลิซึม และการทำงานของระบบประสาท อาการมักไม่รุนแรง และหายไปเองภายใน 1-2 วัน การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ความอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นอาจคล้ายกับอาการของการตั้งครรภ์ แต่หากเกิดเร็วเกินไปหลังมีเพศสัมพันธ์ มักเป็นผลข้างเคียงของยามากกว่า
ควรทำอย่างไรเมื่อกินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา
อย่าเพิ่งตื่นตระหนก
หากกินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา ในช่วงเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจเป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินทำให้ประจำเดือนอาจมาช้ากว่าปกติได้ โดยยาคุมฉุกเฉินมักทำให้รอบเดือนผิดปกติไปชั่วคราว อาจเร็วขึ้น หรือช้าลงได้ถึง 7 วัน การที่ประจำเดือนไม่มา หรือมาช้าไม่ได้หมายความว่าตั้งครรภ์เสมอไป เพราะปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก การเจ็บป่วย หรือการออกกำลังกายอย่างหนัก ก็สามารถทำให้ประจำเดือนมาช้าได้เช่นกัน พยายามผ่อนคลาย ลดความเครียด และรักษาสุขภาพตามปกติ แต่หากประจำเดือนไม่มาเกิน 3 สัปดาห์หลังจากกินยา ควรตรวจการตั้งครรภ์
ตรวจการตั้งครรภ์
ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนเมนไม่มาเกิน 3 สัปดาห์ ควรตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความแน่ใจ โดยชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่ขายทั่วไปตามร้านยาจะเป็นแบบตรวจปัสสาวะสามารถตรวจหาฮอร์โมน hCG ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อมีการตั้งครรภ์ โดยควรทำการตรวจในช่วงเช้าเมื่อปัสสาวะมีความเข้มข้นมากที่สุด และปฏิบัติตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์อย่างเคร่งครัด หากผลตรวจเป็นลบแต่ยังไม่มีประจำเดือนภายใน 1 สัปดาห์ ควรตรวจซ้ำอีกครั้ง เนื่องจากการตรวจในช่วงแรกอาจให้ผลลบปลอมได้ หากผลตรวจเป็นบวก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ และรับคำแนะนำเพิ่มเติม
ปรึกษาแพทย์
หากมีอาการผิดปกติหรือกังวลจากการกินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนเมนไม่มาเ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจรับการวินิจฉัยที่แม่นยำ โดยเฉพาะหากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องรุนแรง เลือดออกมากผิดปกติ อาเจียนต่อเนื่อง หรือมีไข้ และควรปรึกษาแพทย์หากไม่มีประจำเดือนเกิน 3 สัปดาห์หลังกินยาคุมฉุกเฉิน แม้ผลตรวจการตั้งครรภ์จะเป็นลบก็ตาม แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือดเพื่อหาระดับฮอร์โมน hCG ตรวจภายใน หรือตรวจอัลตร้าซาวด์ เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริงของการขาดประจำเดือน
ข้อควรระวังในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
การใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ควรเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม และปลอดภัยกว่า เช่น
ยาคุมกำเนิดแบบรับประทานประจำ
ยาคุมกำเนิดแบบรับประทานประจำเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 99% หากใช้อย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ มีทั้งแบบฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจน และโปรเจสติน) และแบบโปรเจสตินอย่างเดียว ข้อดีคือช่วยทำให้รอบเดือนสม่ำเสมอ ลดอาการปวดประจำเดือน และอาจช่วยลดสิว นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ทางการแพทย์อื่น ๆ เช่น ช่วยในการรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) การใช้ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนต้องรับประทานตามเวลาที่กำหนดทุกวัน จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกชนิดที่เหมาะกับตนเอง
ถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ไม่ต้องใช้ฮอร์โมน และเป็นวิธีเดียวที่สามารถป้องกันทั้งการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากใช้อย่างถูกต้องทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 98% แต่ในทางปฏิบัติ ด้วยข้อผิดพลาดในการใช้ ประสิทธิภาพจริงอาจลดลงเหลือประมาณ 85-90% ข้อดีของถุงยางอนามัยคือหาซื้อได้ง่าย ไม่ต้องพบแพทย์ ไม่มีผลข้างเคียงจากฮอร์โมน และสามารถใช้ร่วมกับวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้
ห่วงอนามัย
ห่วงอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดระยะยาวที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 99% และสามารถใช้ได้นานหลายปี โดยมีทั้งแบบที่มีฮอร์โมน และไม่มีฮอร์โมน ห่วงอนามัยแบบมีฮอร์โมนใช้ได้นาน 3-7 ปี และอาจช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และลดปริมาณเลือดประจำเดือน ส่วนห่วงอนามัยแบบไม่มีฮอร์โมน (ห่วงทองแดง) ใช้ได้นานถึง 10 ปี ข้อดีของห่วงอนามัยคือไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการลืมกินยา หรือการใช้ผิดวิธี แต่ต้องได้รับการใส่จากแพทย์ และมีการตรวจติดตามเป็นระยะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว และไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์
คำแนะนำเพิ่มเติม
การกินยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่ควรใช้เป็นประจำ ควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น เช่น ถุงยางอนามัยแตก ลืมกินยาคุมกำเนิดปกติ หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ การใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ประจำเดือนผิดปกติ และปวดศีรษะ นอกจากนี้ ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดแบบปกติ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์สูงกว่า หากมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิต และสุขภาพของตนเอง
คำถามที่พบบ่อย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินและประจำเดือน
1. กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา อันตรายไหม
กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากฮอร์โมนในยาสามารถรบกวนรอบเดือนปกติ โดยทั่วไปไม่อันตรายหากประจำเดือนมาช้าเพียง 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การไม่มีประจำเดือนอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะหากมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้น และยาคุมฉุกเฉินไม่ได้ผล หากประจำเดือนไม่มาเกิน 3 สัปดาห์หลังกินยา ควรตรวจการตั้งครรภ์และปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง
2. กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา กี่วันถึงจะตรวจครรภ์ได้
หลังจากกินยาคุมฉุกเฉิน ควรรอประมาณ 3 สัปดาห์ ก่อนทำการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดตรวจที่หาซื้อได้ทั่วไป ระยะเวลานี้ช่วยให้มั่นใจว่าหากเกิดการตั้งครรภ์ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน hCG ในปริมาณที่มากพอให้ชุดตรวจสามารถตรวจพบได้ การตรวจเร็วเกินไปอาจให้ผลลบปลอม หากผลตรวจเป็นลบแต่ประจำเดือนยังไม่มาภายใน 1 สัปดาห์หลังการตรวจ ควรตรวจซ้ำหรือปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่กังวลมาก สามารถตรวจเลือดที่โรงพยาบาลได้ ซึ่งจะให้ผลที่แม่นยำกว่า
3. กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา 1 เดือน เกิดจากอะไร
การไม่มีประจำเดือนนาน 1 เดือน หลังกินยาคุมฉุกเฉินอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเกิดเพราะประสิทธิภาพของยาไม่สมบูรณ์จากการทานยาช้าเกินไปหรือปัจจัยอื่นๆ นอกจากนี้ อาจเกิดจากผลของฮอร์โมนในยาที่รบกวนวงจรการตกไข่ ทำให้รอบเดือนยาวนานผิดปกติ สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ ความเครียด การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว การออกกำลังกายหนัก หรือความผิดปกติของระบบฮอร์โมน เช่น PCOS หากกังวล ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์และปรึกษาแพทย์
4. หลังกินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มากินยาคุมกำเนิดต่ออีก 1 แผงแล้วยังไม่มาอีก ควรทำอย่างไร
กรณีนี้ควรตรวจการตั้งครรภ์โดยเร็ว เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าการตั้งครรภ์อาจเกิดขึ้นก่อนเริ่มกินยาคุมแผง และทั้งยาคุมฉุกเฉิน และยาคุมปกติไม่มีผลยุติการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นแล้ว หากผลตรวจการตั้งครรภ์เป็นลบ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วเพื่อตรวจหาสาเหตุอื่น เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมน ถุงน้ำในรังไข่ หรือภาวะเครียด แพทย์อาจสั่งตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของต่อมไร้ท่อ และอาจให้ฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นการมีประจำเดือน ไม่ควรเริ่มยาคุมแผงใหม่โดยไม่ปรึกษาแพทย์
5. กินยาคุมฉุกเฉินนานแค่ไหนถึงประจำเดือนจะมา
หลังจากกินยาคุมฉุกเฉิน ประจำเดือนมักจะมาตามกำหนดปกติ หรืออาจเร็วหรือช้ากว่าปกติประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยทั่วไป ประมาณ 60-70% ของผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินจะมีประจำเดือนมาตรงเวลาหรือเร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย ส่วนอีกประมาณ 15-20% อาจมีประจำเดือนช้ากว่าปกติ 1 สัปดาห์ ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาได้แก่ ช่วงเวลาของรอบเดือนที่กินยา ประวัติรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ การใช้ยาคุมฉุกเฉินซ้ำในรอบเดียวกัน และความเครียด แต่หากประจำเดือนไม่มาเกิน 3 สัปดาห์ ควรตรวจการตั้งครรภ์
สรุป
การที่กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มานั้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่จำเป็นต้องตั้งครรภ์เสมอไป แต่ควรสังเกตอาการ และปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัย ที่สำคัญคือการวางแผนคุมกำเนิดที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ
#สุขภาพผู้หญิง #ยาคุมฉุกเฉิน #วัตสัน #สุขภาพ #การคุมกำเนิด
หมายเหตุ: บทความนี้ใช้เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ได้ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม กรุณาปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
