หลาย ๆ คนคงทราบกันดีว่า บัวหิมะ คือครีมจากประเทศจีนที่มีประโยชน์มากมาย สรรพคุณของบัวหิมะช่วยในการรักษาแผลต่าง ๆ หรือใช้แต้มสิว อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาผด ผื่น ลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากการโดนน้ำร้อนลวกได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของบัวหิมะยังมีอีกมากมาย และบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับบัวหิมะและประโยชน์ของบัวหิมะให้มากขึ้นกันค่ะ
บัวหิมะ คืออะไร
บัวหิมะ คือพืชตระกูลทานตะวัน ที่สามารถนำผลมาใช้รับประทานได้ โดยผลของบัวหิมะนอกจากจะรับประทานโดยตรงแล้ว ยังสามารถสกัดเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติได้อีกด้วย ซึ่งผลของบัวหิมะอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย นอกจากนี้ผลของบัวหิมะยังมีปริมาณแคลอรีที่ไม่สูงมากนัก จึงเหมาะที่จะนำมารับประทานเพื่อลดน้ำหนัก ในส่วนใบของบัวหิมะก็จะนำมาใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ครีม หรือยาต่าง ๆ เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการของบัวหิมะ
บัวหิมะ เรียกได้ว่าเป็นพืชสมุนไพร หนึ่งในสุดยอดแห่งยาบำรุงกำลังที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงเลยก็ว่าได้ นอกจากจะนำบัวหิมะไปแปรรูปสกัดเป็นครีมบำรุง ยังสามารถทานบัวหิมะได้แบบสด ๆ หรือจะนำมาปรุงอาหาร ทำเครื่องดื่มหรือของหวานก็ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในบัวหิมะ 100 กรัม จะให้คุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้
- พลังงาน 54 กิโลแคลอรี
- น้ำตาล 0 กรัม
- โปรตีน 0 กรัม
- ไขมัน 0 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 11 กรัม
20 สรรพคุณโดยรวมของบัวหิมะ
1.บัวหิมะสรรพคุณช่วยลดน้ำหนัก
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าน้ำตาลธรรมชาติของบัวหิมะและปริมาณแคลอรีที่ต่ำของบัวหิมะ สามารถช่วยให้ลดน้ำหนักได้ โดยนิตยสารทางวิชาการ Clinical Nutrition ที่ตีพิมพ์ฉบับปี 2009 รายงานว่า จากการศึกษาจากผู้หญิงที่รับประทานน้ำเชื่อมจากบัวหิมะในปริมาณ 0.14-0.29 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ติดต่อกันอย่างน้อย 120 วัน จะทำให้น้ำหนัก ดัชนีมวลกาย รวมไปถึงรอบตัวและช่วงเอวลดลง นั่นเป็นเพราะว่าการรับประทานน้ำเชื่อมบัวหิมะจะสร้างความรู้สึกอิ่มให้กับร่างกาย ทำให้ความอยากอาหารลดลงนั่นเอง
2.บัวหิมะประโยชน์ช่วยต้านโรคร้ายต่าง ๆ ได้
บัวหิมะถูกนำมาวิจัยเพื่อหาสรรพคุณในการต้านและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง เนื่องจากสรรพคุณบัวหิมะที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายแถมเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ทางการแพทย์ และบัวหิมะก็เป็นพืชที่สามารถปลูกง่าย มีราคาถูก โดยมีงานวิจัยบางแหล่งอ้างว่า สารสกัดจากดอกบัวหิมะมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งกระเพาะ, มะเร็งตับ และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ทั้งนี้ยังเป็นเพียงงานวิจัยเกี่ยวกับบัวหิมะที่กล่าวอ้างจากในห้องทดลองเท่านั้น หากใครที่เป็นโรคมะเร็งแล้วอยากจะรับประทานอาหารจากบัวหิมะ หรืออยากใช้ประโยชน์ของบัวหิมะเป็นทางเลือกในการรักษา แนะนำให้ปรึกษาแพทย์และอยู่ในการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
3.บัวหิมะสรรพคุณช่วยรักษาแผลและอาการอักเสบทางผิวหนัง
สรรพคุณบัวหิมะคล้าย ๆ กับน้ำผึ้ง ที่ช่วยแก้ปวดแสบปวดร้อน และบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งประโยชน์ของบัวหิมะนี้เป็นที่ยอมรับจากงานวิจัยอย่างแพร่หลายทำให้บัวหิมะถูกนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อย่างครีมในรูปแบบต่าง ๆ ที่นำมาใช้รักษาอาการคันและบรรเทาอาการอักเสบตามผิวหนัง
4.บัวหิมะประโยชน์ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและความดัน
สรรพคุณบัวหิมะ คือมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดไหลเวียนได้ง่าย ลดภาระการทำงานของหัวใจ กระตุ้นระบบการไหลเวียนและเพิ่มออกซิเจนในเลือด ทั้งหมดนี้จึงสามารถบอกได้ว่า โพแทสเซียมและประโยชน์ของบัวหิมะ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจและความดันได้ และบัวหิมะยังสามารถบรรเทาอาการโรคหัวใจและความดันของผู้ป่วยได้อีกด้วย
5.บัวหิมะสรรพคุณช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
สรรพคุณบัวหิมะ คือ มีน้ำตาลฟรุตโตโอลิโกแซคคาไรด์ (Fructooligosaccharide) ที่มีคุณสมบัติในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลในเลือด โดยการศึกษาในปี 2011 ซึ่งตีพิมพ์ใน Chemico-Biological Interactions พบว่าการทดลองใช้ประโยชน์ของบัวหิมะกับหนูที่เป็นโรคเบาหวาน เมื่อได้รับอาหารเสริมที่มีส่วนผสมจากบัวหิมะติดต่อกันทุกวัน ระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลมีอัตราลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เมื่อนำประโยชน์ของบัวหิมะมาทดลองกับมนุษย์ก็ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าบัวหิมะ มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเคสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้นั่นเอง
6.บัวหิมะประโยชน์ช่วยป้องกันไขมันพอกตับ
จากสรรพคุณบัวหิมะที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ จากการศึกษาในปี 2008 พบว่า การรับประทานบัวหิมะควบคู่ไปกับไซลิมาริน (Silymarin) ยังส่งผลดีแก่ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องระบบเผาผลาญจนเกิดสภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งจากการศึกษาจากผู้ป่วยที่รับประทานบัวหิมะควบคู่ไปกับไซลิมาริน (Silymarin) ติดต่อกัน 90 วัน พบว่านอกจากระดับคอเลสเตอรอลลดลงแล้ว ทำให้ไขมันในตับลดลงอีกประโยชน์ของบัวหิมะอีกข้อ คือ ช่วยลดความเสี่ยงสภาวะไขมันพอกตับได้
7.บัวหิมะสรรพคุณช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
เนื่องจากสรรพคุณบัวหิมะที่อุดดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ทางโภชนาการค่อนข้างสูง ดังนั้น การรับประทานบัวหิมะ จึงดีต่อสุขภาพ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่อร่างกายได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
8.บัวหิมะประโยชน์ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก
ด้วยสรรพคุณบัวหิมะที่มีแบคทีเรียโพรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดที่ดีต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ประโยชน์ของบัวหิมะนี้ช่วยลดปัญหาด้านระบบขับถ่าย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ลงได้ นอกจากนี้ บัวหิมะ ยังมีไฟเบอร์ที่สูง จึงช่วยส่งเสริมเรื่องระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย
9.บัวหิมะสรรพคุณช่วยบำรุงผิว แก้ปัญหาสิว ฝ้า และจุดด่างดำ
เนื่องจากสรรพคุณบัวหิมะที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายและกรดอะมิโนหลายชนิด ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ทำให้ประโยชน์ของบัวหิมะมีมากกว่าการรักษาบาดแผล และยังคอยช่วยบำรุงผิวของเราได้อีกด้วย โดยจะมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการผิวแดง ผื่นคัน ระคายเคืองจากมลภาวะต่าง ๆ ป้องกันการเกิดสิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และลดรอยแดง
10.บัวหิมะสรรพคุณช่วยบรรเทาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
อย่างที่ได้บอกไปว่าบัวหิมะมีสรรพคุณคล้าย ๆ กับน้ำผึ้ง ที่ช่วยแก้ปวดแสบปวดร้อน และบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง นอกจากนั้นบัวหิมะยังมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย และกรดอะมิโนหลายชนิด มีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย และยังช่วยบรรเทาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ช่วยลดอาการแสบร้อนและสมานแผลได้ด้วย
11.บัวหิมะประโยชน์ช่วยลดอาการปวดบวม ฟกช้ำ
ประโยชน์ของบัวหิมะช่วยลดอาการปวดบวม ฟกช้ำได้จากดอกบัวหิมะที่เชื่อกันว่ามีคุณสมบัติแก้ปวดและบรรเทาอาการอักเสบ โดยมีงานวิจัยหนึ่งให้หนูทดลองที่ผิวหนังบวมกินบัวหิมะเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 7 วัน พบว่าช่วยลดอาการบวมได้ และยังทดลองให้หนูที่โดนความร้อนลวกผิวกินบัวหิมะเพาะเลี้ยง แล้วพบว่าหนูเหล่านั้นมีอาการปวดแผลน้อยลงเช่นกัน จึงอาจเป็นไปได้ว่าดอกบัวหิมะมีสรรพคุณบรรเทาอาการที่เกิดจากแผลเหล่านี้ด้วย
12.บัวหิมะสรรพคุณช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย
บัวหิมะ เป็นพืชสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย รวมไปถึงมีสารอาหารและแร่ธาตุสำคัญ เช่น กรดอะมิโน มีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกาย ทั้งในเรื่องของสุขภาพกาย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง รวมไปถึงสุขภาพผิว ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง คงความอ่อนเยาว์ให้ดูแก่ช้าลง
13.บัวหิมะสรรพคุณช่วยต้านมะเร็ง
อย่างที่ได้บอกไปว่าบัวหิมะ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง รวมไปถึงมีสารอาหารและแร่ธาตุสำคัญ เช่น กรดอะมิโน มีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกาย บัวหิมะเลยได้รับการกล่าวอ้างว่าอาจช่วยต้านมะเร็งได้ จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่ศึกษาประเด็นนี้ งานวิจัยหนึ่งได้ศึกษาคุณประโยชน์ทางยาของดอกบัวหิมะในเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก พบว่าสารสกัดจากดอกบัวหิมะอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากในห้องปฏิบัติการ และผลการศึกษานี้สอดคล้องกับงานวิจัยอีกชิ้นที่ทำการทดลองประสิทธิภาพของสารสกัดเอทิลจากดอกบัวหิมะ ผลการทดลองชี้ให้เห็นว่าดอกบัวหิมะมีสาร Hispidulin ที่อาจช่วยต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งกระเพาะอาหารในห้องปฏิบัติการเช่นกัน
14.บัวหิมะประโยชน์มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งตับ
จากสรรพคุณหนึ่งของดอกบัวหิมะที่มีการกล่างอ้างว่าอาจต้านมะเร็งได้ นอกจากนั้นดอกบัวหิมะยังอาจมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งตับด้วย จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้นำเซลล์มะเร็งตับมาทดสอบกับสารสกัดดอกบัวหิมะในห้องทดลอง เพื่อดูว่าสารสกัดดอกบัวหิมะจะก่อพิษต่อเซลล์มะเร็งหรือไม่ ปรากฏว่าสารสกัดเอทานอลจากดอกบัวหิมะมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารพันธุกรรมของเซลล์มะเร็งตับ ทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ ทั้งนี้ประโยชน์ของบัวหิมะในด้านการต้านมะเร็ง ยังจำเป็นต้องศึกษาต่อไปอีกมาก เนื่องจากงานวิจัยเหล่านั้นเป็นการศึกษาเพียงขั้นต้นในห้องทดลอง จึงไม่อาจชี้ชัดได้ว่าดอกบัวหิมะจะต้านมะเร็งในผู้ป่วยโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
15.บัวหิมะสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ
สำหรับบางคนอาจจะทานดอกบัวหิมะเพื่อบรรเทาอาการข้ออักเสบ ซึ่งสรรพคุณบัวหิมะข้อนี้มีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นว่าดอกบัวหิมะอาจช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบได้บ้าง จากการนำหนูมาทดลอง โดยฉีดสารชนิดหนึ่งเข้าชั้นผิวหนังบริเวณฝ่าเท้าซ้าย เพื่อให้เกิดอาการข้ออักเสบ และให้ดื่มสารสกัดจากดอกบัวหิมะเป็นเวลา 21 วัน ผลปรากฏว่าสารสกัดดอกบัวหิมะลดอาการข้ออักเสบได้ โดยบรรเทาระดับความรุนแรงและอาการบวมที่เท้าของหนู รวมถึงงานวิจัยหนึ่งที่ได้ทดลองในหนูพบว่าดอกบัวหิมะช่วยลดจำนวนเซลล์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ รวมทั้งชะลอการทำลายข้อ แต่เนื่องจากงานวิจัยที่ยกมานี้เป็นการทดลองกับสัตว์ จึงต้องทำการศึกษากับผู้ป่วยจริงต่อไป
16.บัวหิมะประโยชน์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
บัวหิมะเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงมีประโยชน์ช่วยต้านอนุมูลอิสระด้วย จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ศึกษาประเด็นนี้กับหนูทดลอง โดยให้หนูกินสารสกัดแอลกอฮอล์จากดอกบัวหิมะติดต่อกัน 4 สัปดาห์ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าหนูทดลองมีระดับกรดแลคติกในเลือดลดลงหลังได้รับสารสกัดแอลกอฮอล์มากกว่าหนูทดลองในกลุ่มควบคุม ซึ่งหมายความว่า ดอกบัวหิมะอาจช่วยต้านอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อได้ อีกทั้งยังมีฤทธิ์ทำลายสารอนุมูลอิสระด้วย
17.บัวหิมะสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการแพ้ความดันอากาศในที่สูง
อาการแพ้ความดันอากาศในที่สูง (Altitude Sickness) เป็นภาวะที่ร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอเมื่อขึ้นไปอยู่ที่ที่มีความกดอากาศสูง ส่งผลให้ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร และนอนไม่หลับ ซึ่งดอกบัวหิมะได้ชื่อว่าเป็นสมุนไพรที่นำมาใช้ในภาวะขาดออกซิเจน จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้นำดอกบัวหิมะ และพืชสมุนไพรที่ขึ้นในแถบชิงไห่ทิเบต มาศึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณดังกล่าว ทดสอบกับหนูทดลองที่ได้รับสารจากบัวหิมะ พบว่าหนูที่กินสารสกัดดอกบัวหิมะมีอัตราการตายจากภาวะความกดอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหันลดลง ทั้งนี้ดอกบัวหิมะยังเป็นพืชที่มีฤทธิ์รักษาภาวะขาดออกซิเจนได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับพืชสมุนไพรอื่น ๆ ด้วย
18.บัวหิมะสรรพคุณช่วยรักษาเบาหวาน
อย่างที่ได้บอกไปว่าประโยชน์ของบัวหิมะช่วยต้านโรคร้ายต่าง ๆ ได้ หนึ่งในก็คือโรคเบาหวาน เนื่องจากบัวหิมะมีสารโพลีแซคคาไรด์ซึ่งอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งในงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้สกัดสารโพลีแซคคาไรด์จากพืช 3 อย่าง เพื่อเปรียบเทียบสรรพคุณทางยาของสารโพลีแซคคาไรด์จากพืช พบว่าสารอาหารที่ได้จากสมุนไพรจีนอึ้งคี้ เห็ดนางรม และบัวหิมะ ล้วนมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ชนิดหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง โดยบัวหิมะมีสรรพคุณดังกล่าวน้อยกว่าสมุนไพรจีนอึ้งคี้และเห็ดนางรม ทั้งนี้ก็ยังไม่อาจสรุปได้แน่ชัดว่าบัวหิมะมีสรรพคุณรักษาอาการเบาหวานได้จริง เนื่องจากงานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาแค่ในห้องทดลองเท่านั้น
19.บัวหิมะประโยชน์ช่วยแก้ร้อนใน
บัวหิมะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น นอกจากนั้นบัวหิมะมีสรรพคุณคล้าย ๆ กับน้ำผึ้ง ที่ช่วยแก้ปวดแสบปวดร้อน และบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ทางโภชนาการค่อนข้างสูง จึงมีส่วนช่วยแก้อาการร้อนใน ที่เกิดจากการขาดสารอาหารบางอย่าง และระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องได้
20.บัวหิมะสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการแมลงกัดต่อย
อย่างที่บอกไปว่าบัวหิมะมีคุณสมบัติเป็นของเย็น นอกจากช่วยในเรื่องของร้อนใน ยังมีส่วนช่วยลด อาการบวม ผื่นคัน โดยคุณสมบัตินี้มักจะอยู่ในครีมบัวหิมะ ที่มักจะนำมาใช้รักษาแผลต่าง ๆ ที่ผิวหนัง เนื่องจากมีฤทธิ์เย็นและยังสามารถใช้รักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้อีกด้วย เช่น แผลอีสุกอีใส แมลงกัดต่อยด้วย
ประเภทของบัวหิมะ
ครีมบัวหิมะ
ครีมบัวหิมะ ทำมาจากสารสกัดจากธรรมชาติหลายชนิด เช่น การบูร ผงไข่มุก ว่านหางจระเข้ และโสม เป็นต้น และส่วนใหญ่มักจะนำมาใช้รักษาปัญหาผิวหนังต่าง ๆ เช่น ผื่นคัน แผลสด แผลน้ำร้อนลวก หรือโรคกลากเกลื้อน แผลอีสุกอีใส แมลงกัดต่อย ผื่นแพ้ เริม ฮ่องกงฟุต รักษาสิว ฯลฯ โดยเฉพาะแผลพุพองที่เกิดจากไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก เพราะครีมบัวหิมะจะออกฤทธิ์เย็นด้วย
บัวหิมะที่เป็นดอก (Snow Lotus)
บัวหิมะที่เป็นดอก หรือบางที่เรียกกันว่า “บัวหิมะพันปี” เป็นพืชที่ขึ้นในพื้นที่สูงที่มีอากาศเย็นจัด แถบเทือกเขาอัลไต หรือภูเขาคุนหลุน โดยใช้เวลา 3 ปี จึงจะออกดอกสีขาว หรือเขียวอ่อน ส่วนใหญ่มักจะนำมาใช้เป็นยารักษาโรค แก้ไข้ บำรุงเลือด แก้ปวดประจำเดือน บำรุงไต ปรับสมดุลในร่างกาย และแก้ข้ออักเสบ อีกทั้งยังเชื่อว่าช่วยบำรุงหัวใจและขับสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย
บัวหิมะที่เป็นผลไม้ หรือบัวหิมะสด (Yacon)
บัวหิมะที่เป็นผลไม้ หรือบัวหิมะสดมีลักษณะคล้ายหัวมัน มีรสหวานกรอบ เปลือกค่อนข้างบาง ให้พลังงานต่ำ แต่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ส่วนใหญ่จะนิยมทานสด เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพ ป้องกันการเกิดสิวฝ้า โรคความดันโลหิตสูง ป้องกันโรคมะเร็ง รักษาโรคเบาหวาน บำรุงหัวใจและหลอดเลือด ช่วยระบายท้อง ลดอาการร้อนใน ป้องกันไม่ให้เป็นนิ่ว แก้อาการอักเสบ ขับพิษในร่างกาย และต้านอนุมูลอิสระ และยังเชื่อว่าการทานผลของบัวหิมะจะช่วยลดความอ้วนได้ด้วย
บัวหิมะธิเบต (Kefir)
บัวหิมะธิเบตหรือคีเฟอร์ มีลักษณะคล้ายนมโยเกิร์ตชนิดหนึ่ง ซึ่งมีแบคทีเรียและยีสต์รวมอยู่ด้วยกัน เป็นการหมักโดยใช้หัวเชื้อที่เรียกว่า “Kefir grain” ที่มีลักษณะคล้ายกับดอกกะหล่ำ นมที่ได้มักจะนิยมมาใช้ในการหมักทำโยเกิร์ตคีเฟอร์ ได้แก่ นมแพะ นมโค หรือนมถั่วเหลือง มีสรรพคุณช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่อง ชะลอการเกิดริ้วรอย เสริมสร้างความแข็งแรง เสริมภูมิต้านทานไม่ให้ติดเชื้อง่าย ปรับสมดุลในร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ผิวหน้าเนียนใส รักษาสิว และกระชับรูขุมขน เป็นต้น
5 ผลิตภัณฑ์จากบัวหิมะ
1.Kokliang ก๊กเลี้ยง ครีมบัวหิมะ
ครีมบัวหิมะจากก๊กเลี้ยง ตัวช่วยบำรุงและดูแลปัญหาผิว โดยเฉพาะเรื่องสิว มีส่วนช่วยดูแลปัญหาสิวอักเสบ สิวหัวหนอง บริเวณใบหน้า แผ่นหลังและหน้าอก ทำให้สิวแห้งยุบตัวและคืนสภาพผิวได้เร็วขึ้นโดยไม่ปรากฏรอยแผลเป็น ผสานคุณค่าจากรากโสม พิมเสน ชามะลิ ใบบัวบกและอโลเวร่า ที่มีสรรพคุณลดบวมช้ำและคลายปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณแผลได้ดี เสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ทดแทนผิวเก่าด้วย
ปริมาณ 50 กรัม
ราคา 280 บาท
2.Kokliang ก๊กเลี้ยง สโนว์ โลตัส ซูทติ้ง เจล 95
สำหรับตัวนี้เป็นเจลบัวหิมะ ด้วยส่วนผสมอันเลื่องลือของบัวหิมะ 95% เป็นยาอายุวัฒนะ ผสานกับสารสกัดคุณภาพสูง 5% จากไข่มุก, รากโสม, วิตามินอี, วิตามินซีและวิตามินเอ ที่ช่วยฟื้นฟูแบบเร่งด่วนหลังผิวไหม้จากแสงแดด น้ำร้อนลวกหรือถูกความร้อน ลดการระคายเคืองจากผดผื่นคัน แมลงสัตว์กัดต่อย สมานผิวจากรอยแผลเป็น ลดการอักเสบของสิวและรอยแดงไปได้ด้วย
ปริมาณ 300 มล.
ราคา 185 บาท
3.Fuji ฟูจิ เฮเซล สโนว์ บอดี้ เอ็กซ์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ แอนด์ ซันสกรีน
ตามมาด้วยครีมบำรุงผิวกาย หรือหลายคนรู้จักในชื่อครีมภูเขาในตำนาน ตัวนี้เป็นสูตรเข้มข้น เนื้อครีมนุ่มดุจหิมะ ให้สัมผัสที่เบาสบายผิว ด้วยสารสกัดจากน้ำมันเฮเซลนัท บัวหิมะ แตงโมทะเลทราย และไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) เติมความชุ่มชื้นให้ผิวกายที่แห้งกร้าน ให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่งดูสุขภาพดี
ปริมาณ 450 กรัม
ราคา 690 บาท
4.Kokliang ก๊กเลี้ยงสบู่สมุนไพร
สำหรับตัวนี้จะเป็นสบู่สมุนไพร ที่มีส่วนผสมของบัวหิมะอยู่ด้วย รวมไปถึงส่วนผสมไข่มุกและรากโสม ที่ช่วยพื้นฟูและปรับสภาพผิวจากมลภาวะและวัยที่ล่วงเลยให้มีสุขภาพดี ขจัดกลิ่นกายชำระล้างความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของสิวบนใบหน้าและแผ่นหลัง พร้อมแร่ธาตุสำคัญใน พิมเสนและชามะลิ ที่ช่วยลดการเกิดริ้วรอยด่างดำจากสิว ผิวขาวกระชับเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
ปริมาณ 150 กรัม
ราคา 55 บาท
5.Fuji ฟูจิ เฮเซล สโนว์ คลีนซิ่ง โฟม
ส่วนตัวนี้เป็นโฟมล้างหน้า ส่วนผสมจากบัวหิมะ โฟมล้างหน้าพร้อมบำรุงในตัว ด้วยสารสกัดจาก น้ำมันเฮเซลนัท บัวหิมะ แตงโมทะเลทราย และไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ล้างเครื่องสำอางหรือเมกอัปหมดจด ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า แต่ไม่เอี๊ยด บำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น ให้ผิวหน้านุ่มในทุกครั้งที่ใช้
ปริมาณ 68 กรัม
ราคา 168 บาท
ผลข้างเคียงจากการใช้บัวหิมะ
ถึงแม้ว่าบัวหิมะจะให้คุณประโยชน์มากมายต่อร่างกาย แต่สำหรับในคนที่ไม่เคยทานบัวหิมะมาก่อน มีการใช้บัวหิมะในปริมาณมากเกินไป หรือมีอาการแพ้ อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงเหล่านี้ขึ้นได้
- หากรับประทานบัวหิมะคีเฟอร์ในระยะแรก ๆ อาจมีอาการท้องไส้ปั่นป่วนได้ เนื่องจากสารสำคัญในบัวหิมะกำลังขับสารพิษออกจากร่างกาย
- บางรายก็พบว่ามีอาการท้องผูก เนื่องจากรับประทานบัวหิมะมากเกินไป
- บางรายนำบัวหิมะคีเฟอร์มาพอกหน้าก็จะเกิดอาการคัน ด้วยสาเหตุที่สารสำคัญในบัวหิมะกำลังทำงานด้วยการฆ่าเชื้อโรคและช่วยสมานแผลจากสิวที่กำลังเป็นอยู่
ข้อควรระวังการใช้บัวหิมะ
- ระวังของปลอม หรือลอกเลียนแบบ ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บัวหิมะที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
- ห้ามใช้บัวหิมะกับแผลเปิด หรือแผลสด
- หากมีอาการผื่นแดงและคันจะต้องหยุดใช้บัวหิมะทันที และระวังไม่ให้บัวหิมะเข้าตา
- ควรศึกษาวิธีการเก็บรักษาบัวหิมะอย่างถูกต้องเพื่อช่วยคงประสิทธิภาพของบัวหิมะเอาไว้ เช่น ครีมบัวหิมะ เก็บรักษาโดยการแช่ตู้เย็น
- ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้บัวหิมะทุกครั้ง
- หญิงให้นมบุตรไม่ควรกินบัวหิมะสด อาจส่งผลต่อน้ำนม ทำให้ทารกเกิดอาการท้องเสียได้
ทำความรู้จักกับประโยชน์ของบัวหิมะมาแล้ว ทำให้ได้รู้ว่าบัวหิมะเป็นพืชสมุนไพรที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย รวมไปถึงผิวพรรณมากมายเลย โดยเฉพาะในเรื่องสรรพคุณของบัวหิมะที่ช่วยแก้อักเสบ รักษาแผล และยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ต้านความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย แต่ถึงแม้ว่าบัวหิมะจะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรใช้บัวหิมะอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงตามมาด้วย
ข้อมูลอ้างอิง
https://hdmall.co.th/blog/c/snow-lotus/
https://food.trueid.net/detail/Mk9Rd6WEJE2g
คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ
- 10 ประโยชน์จากใบบัวบก และไอเทมสารสกัดจากใบบัวบก
- 15 ครีมลดรอยสิว ช่วยรักษารอยสิวให้หายเกลี้ยง
- 20 ประโยชน์ของบัวหิมะ สรรพคุณดี ๆ ที่ควรมีติดบ้าน
- เจลว่านห่างจระเข้ …มีประโยชน์อะไร ทำอะไรได้บ้างนะ?
- รีวิว Dr.Pong เซรั่มขายดี ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว
