โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share

รอยดำจากสิว เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่สบายใจได้ เพราะรอยสิวที่เกิดขึ้นบนใบหน้า อาจทำให้รู้สึกว่าผิวหน้าไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ และดูหน้าโทรม แต่จะรอให้รอยหายไปเองก็ไม่หายสักทีจึงต้องมีวิธีรักษาให้เร็วที่สุด วัตสันเลยไม่พลาดเอาวิธีรักษารอยสิว รอยดำ มาแบ่งปันเพื่อน ๆ กันในบทความนี้ด้วย ต้องดูแลผิวหน้าจากปัญหารอยสิวยังไง ลองตามไปดูกัน

รอยสิวเกิดจากอะไร

รอยสิว เกิดจากกระบวนการซ่อมแซมบาดแผลของผิวหนังที่เกิดจากสิว ซึ่งเป็นกลไกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เป็นสิว โดยร่างกายจะมีการหลั่งสารอักเสบออกมาที่ใต้ผิวหนัง ส่งผลให้มีการผลิตเม็ดสีเมลานินเป็นจำนวนมากในบริเวณที่เกิดการอักเสบ เกิดเป็นรอยดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือสิวที่มีการอักเสบลึก ก็สามารถทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวได้ นอกจากนั้นพฤติกรรมการแกะสิว บีบสิว ก็อาจจะมีส่วนทำให้ผิวหนังบริเวฯที่เป็นสิวเกิดการบวมและอักเสบ กระตุ้นให้เกิดรอยสิวขึ้นได้เหมือนกัน 

ประเภทของรอยสิว


รอยแดงจากสิว

รอยแดงจากสิว (Post-Inflammatory Erythema) เป็นรอยที่เกิดจากการแกะ เกา ผิวหนังจนอักเสบ และผิวหนังเกิดกระบวนการลำเลียงเลือดบริเวณผิวที่อักเสบ เพื่อฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวหนังให้กลับมาเป็นปกติ ทำให้บริเวณผิวที่กำลังซ่อมแซมมีรอยสีชมพู แดง ม่วง 

รอยดำจากสิว

รอยดำจากสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) เป็นรอยที่เกิดขึ้นจากสิวอุดตัน สิวอักเสบ และอาการระคายเคืองจากการแกะ เกา หรือการเลเซอร์สิว ทำให้ร่างกายกระตุ้นกระบวนการผลิตเม็ดสีเมลานินขึ้นมา ทำให้มีรอยสีน้ำตาลไปจนถึงดำ และมักเกิดภายหลังจากที่สิวอักเสบหายดีแล้ว

รอยหลุมสิว

รอยหลุมสิว (Atrophic Scars) เป็นรอยแผลที่หลงเหลือจากสิวอักเสบหรือสิวอุดตันบางชนิดทำเกิดความเสียหายที่ผิวชั้นล่างที่อยู่ลึกลงไป ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างคอลลาเจนเพียงพอที่จะฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวหนังส่วนที่ได้รับผลกระทบได้ ทำให้บริเวณผิวที่เคยเป็นสิวมีลักษณะเป็นหลุม ไม่เรียบเรียน

รอยสิว รอยแดงจากสิว

10 วิธีรักษารอยดำจากสิวบนใบหน้า


1.พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นหนึ่งในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างหนึ่งที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมไปถึงฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้นด้วย จึงควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 8-9 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้สร้างเซลล์ผิวใหม่เพื่อทดแทนเซลล์เก่าที่มีรอยดำจากสิว

2.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ในการรักษารอยดำจากสิว ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเล็ก ๆ น้อย ๆ ลองหันมาทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น เน้นเป็นผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว ลดการอักเสบของผิวหนัง และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้นอีกด้วย

3.รับประทานวิตามินเสริม

นอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สำหรับในคนที่มีปัญหาเรื่องการทานอาหาร หรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ลองทานวิตามินเสริม เช่น วิตามินซี วิตามินอี และสังกะสี ที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูสภาพผิวและลดรอยสิวได้ ทั้งนี้การรับประทานวิตามินเสริมควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายด้วย

  • Dr.pong ดอกเตอร์พงศ์ โปรแอค สูตรที่เน้นลดสิว ลดโอกาสของการเกิดสิว ลดความมัน และยังเพิ่มคอลลาเจนที่มาช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
  • Bomi โบมิ ซิงค์เน่ เอ็ก สูตรลดความมันบนผิว และลดการอักเสบของสิว เคลียร์ผิวให้ดูใส เสริมสมดุลผิว เคลียร์หน้าใส ไร้กังวลเรื่องสิว
  • Vida วีด้า ซิงค์ ไบโอติน สูตรช่วยลดความมันบนใบหน้า ป้องกันสิวการเกิดใหม่

4.ทาครีมลดรอยสิว

การทาครีมลดรอยสิว ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีลดรอยสิวที่ดีและเห็น ในการรักษารอยดำจากสิวบนใบหน้า การใช้ครีมลดรอยสิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน เช่น วิตามินซี หรือไนอาซินาไมด์ จะช่วยให้รอยดำจางลงและผิวดูกระจ่างใสขึ้น เช่น

  • Smooth E ครีมสมูท อี ลดรอยสิว รอยแผลเป็น สำหรับผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่น ป้องกันการเกิดแผลเป็น ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ส่งเสริมสุขภาพผิว และช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนเพื่อผิวหน้ากระจ่างใส
  • La Roche Posay ลา โรช โพเซย์ เอฟฟาคลาร์ เค ครีมรักษาสิวผด ช่วยจัดการปัญหาสิวอุดตัน ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ ดุจเผยผิวใหม่
  • CURA-MD คูร่าเอ็มดี พรีไบโอติก สการ์ แอนด์ ดาร์ค สปอต อิมัลเจล ช่วยลดรอยดำ รอยสิว สามารถใช้ได้กับสิวทุกประเภท สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวอุดตัน สิวผด สิวมีและไม่มีหัว

5.สครับผิวลดรอยดำจากสิว

การสครับหน้าเบา ๆ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ มีส่วนช่วยลดรอยแดงจากสิวลงไปได้ด้วย แต่ก็ไม่ควรสครับผิวบ่อย และขัดผิวแรงจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ปัญหาสิวแย่ลงได้ นอกจากนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์สครับที่เหมาะสมกับสภาพผิวด้วย เช่น

  • Beauty Formulas บิวตี้ ฟอร์มูล่า ไบร์ทเทนนิ่ง วิตามินซี ไมโคร-พอลิชชิ่ง เฟเชียล สครับ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำ ทำความสะอาดสิ่งสกปรกตกค้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูตรอ่อนโยนที่สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว
  • Skinfood สกินฟู๊ด แบล็ค ชูการ์ มาสก์ วอช ออฟ ช่วยผลัดเซลล์ผิวหมองคล้ำสะสม เผยผิวใหม่กระจ่างใส ให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานยิ่งกว่าเดิม และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ให้ผิวกระจ่างใส ดูสุขภาพดี
  • Eucerin ยูเซอริน โปรแอคเน่ โซลูชั่น สครับ ช่วยลดสิ่งอุดตัน และเม็ดบีดกลมละเอียด ไม่ขูดลอกผิว ช่วยขจัดสิวเสี้ยน สิวอุดตันแบบเฉพาะเจาะจง ให้ผิวดูเนียน ละเอียดใส ร่องรูขุมขน ดูกระชับ

6.มาสก์หน้าลดรอยดำจากสิว

ในปัจจุบันมีสูตรมาสก์หน้าให้เลือกใช้มากมาย แน่นอนว่ามีสูตรมาสก์หน้าสำหรับช่วยเรื่องรอยดำ รอยสิว หรือมาสก์หน้าสูตรสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังสามารถใช้มาสก์หน้า สูตรที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และสูตรให้ความกระจ่างใส ก็มีส่วนช่วยลดรอยสิวให้จางลงได้

  • Myu-Nique มิว-นิค ซิก้า เอสเซ้นส์ มาสก์ 1 แผ่น มาสก์หน้า ลดรอยสิว ป้องกันสิวใหม่ ช่วยปลอบประโลมผิว ฟื้นฟูรอยสิว และลดรอยแดง
  • Rojukiss โรจูคิส ซุปเปอร์ชาร์จ ซุปเปอร์ซอฟท์ แอนติ แอคเน่ มาส์ก 1 แผ่น มาสก์หน้า ลดสิว บูสต์ผิวด้วย คอลลาเจน 3X
  • Dermedy เดอร์มีดี สกินแลบ แอคเน่ ดริป มาสก์ 1 แผ่น มาสก์หน้า ลดสิว ปรับสมดุลผิว ปลอบประโลมผิว

7.สกินแคร์ลดรอยดำจากสิว

การเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว หรือเลือกสกินแคร์สูตรสำหรับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ จะช่วยให้สกินแคร์ช่วยบำรุงผิวได้อย่างตรงจุด และลดโอกาสการเกิดอาการแพ้ ระคายเคือง และอุดตัน จนทำให้เกิดสิวไปได้ด้วย แนะนำให้เลือกเป็นสกินแคร์ดูแลปัญหาสิว และมีความอ่อนโยนต่อผิว เพื่อความปลอดภัยในการใช้ด้วย เช่น

  • Mizumi เซรั่มลดรอยสิว มิซึมิ บีทรี แอคเน่ คอนเซนเทรท ช่วยลดรอยแดง รอยดำจากสิว ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ กระจ่างใส
  • Plantnery แพลนท์เนอรี่ โปเมกาเนต สการ์ ดีเฟนส์ อินเทนส์ เซรั่ม ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดรอยด่างดำ สร้างเซลล์ผิวใหม่ให้นุ่ม ชุ่มชื่น กระชับรูขุมขน บอกลาปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้า
  • Cerave เซราวี รีเซอร์เฟส เรตินอล เซรั่มบำรุงผิวหน้าสำหรับลดรอยสิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำร้ายปราการผิว

8.หลีกเลี่ยงการแกะสิว หรือบีบสิว

การแกะ หรือบีบสิว จะทำให้เกิดอาการอักเสบขึ้นมากกว่าเดิม ทำให้สิวหายช้า และผิวหนังเกิดรอยสิวขึ้นได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการแกะ แคะ บีบ รวมไปถึงไม่ควรสัมผัสผิวหน้าบ่อย ๆ ลองเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ คู่กับการรักษาสิวอื่น ๆ  เช่น การรับประทานยาแทนการบีบสิว เป็นต้น จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิว และช่วยลดรอยสิวเบื้องต้นไปได้ด้วย

9.พอกสมุนไพร

ลองพอกหน้าด้วยสมุนไพรเช่น ขมิ้นชัน ว่านหางจระเข้ หรือมะขามเปียก สมุนไพรเหล่านี้มีสรรพคุณที่ช่วยในการลดการอักเสบและรอยแดงจากสิว และไปถึงสามารถฟื้นฟูสภาพผิวและลดรอยสิวได้ดี พอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นจึงล้างหน้าให้สะอาด จะช่วยลดรอยสิว และทำให้ผิวสะอาด เรียบเนียนขึ้นด้วย

10.ทำเลเซอร์รอยสิว

การทำเลเซอร์รอยสิว เป็นอีกหนึ่งวิธีรักษารอยสิวที่เห็นผลชัดเจน และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรอยแผลเป็นที่ลึกจะเหมาะมาก ๆ ในการทำเลเซอร์ เนื่องจากการทำเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และปรับผิวให้เรียบเนียน ซึ่งก่อนทำเลเซอร์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการทำเลเซอร์ที่เหมาะสมด้วย โดยไม่ควรทำอย่างต่อเนื่องเพราะอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวบาง แพ้ง่าย ไวต่อแดด เป็นต้น

รอยสิว รอยแดงจากสิว

วิธีป้องกันรอยสิว


หลีกเลี่ยงแสงแดด

แสงแดดและรังสี UV เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดรอยดำจากสิวให้เข้มขึ้น นอกจากนั้นยังทำให้สีผิวบริเวณนั้นไม่สม่ำเสมอด้วย จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 11.00-15.00 น. และทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด และลดรอยดำและจุดด่างดำจากสิวลงไปได้ด้วย

ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ควรดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน ประมาณ 8-9 แก้ว หรือประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน เพราะการดื่มน้ำมีส่วนช่วย เติมเต็มความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิวจากภายในสู่ภายนอก ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และยังมีส่วนช่วยขับสารพิษ และของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลดการสะสมของเสียรวมถึงสารพิษในชั้นผิวหนังและช่วยให้รอยสิวแลดูจางลงได้ด้วย

หลีกเลี่ยงความเครียด

ความเครียดเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เนื่องจากความเครียดอาจเข้าไปรบกวนการเผาผลาญอาหารอาจทำให้มีปัญหาในการนอนหลับ รบกวนกระบวนการย่อยอาหาร เกิดความรู้สึกหดหู่ หงุดหงิดและไม่สมดุล มีส่วนทำให้เกิดสิวขึ้นมาได้  ดังนั้นควรหาเวลาผ่อนคลาย ลดความเครียดอย่างการเล่นโยคะ นั่งสมาธิก็สามารถทำให้จิตใจของเราผ่อนคลายขึ้น

ล้างหน้าให้สะอาด

การล้างหน้าให้สะอาดหมดจด เป็นอีกหนึ่งในการป้องกันรอยสิว รวมไปถึงป้องกันการเกิดสิวได้ดี เนื่องจากการล้างหน้าจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก สิ่งอุดตันที่เป็นสาเหตุให้เกิดสิว ออกจากรูขุมขน จึงควรล้างหน้าให้สะอาด ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว มีความอ่อนโยน ไม่อุดตัน ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย และไม่ทำให้ผิวแห้งหรือมันจนเกินไป เป็นต้น

ครีมรักษาสิว

คำถามที่พบบ่อย

รอยดำจากสิวกี่วันหาย?

โดยทั่วไปแล้วรอยดำจากสิวสามารถหายเองได้ ซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-4 เดือนหรืออาจใช้เวลา 1-2 ปีขึ้นอยู่กับความเข้มของรอยสิว อายุ และการดูแลร่างกายด้วย แต่ถ้าต้องการให้รอยสิวหายไปอย่างรวดเร็ว แนะนำให้ทำเลเซอร์รอยสิวจะเห็นผลได้ชัดและรวดเร็ว

ทำยังไงให้รอยสิวหายภายใน 1 อาทิตย์

การรักษารอยสิวให้เห็นผลได้ชัดและรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะใช้การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์รอยสิว การทำเลเซอร์สามารถเห็นผลได้ภายใน 1 อาทิตย์ จากนั้นรอยสิวจะค่อย ๆ จางลงไป และจะลดลงเรื่อย ๆ ประมาณครั้งที่ 2 เป็นต้นไป รวมไปถึงควรเลี่ยงพฤติกรรมทำให้เกิดสิวและรอยสิวร่วมด้วย 

รอยสิวสามารถหายเองได้ไหม

โดยทั่วไปรอยสิวสามารถหายเองได้ แต่จะขึ้นอยู่กับอาการของสิวด้วย ทำให้ระยะรักษารอยสิวให้หายเองใช้เวลาต่างกันในแต่ละคน บางส่วนสามารถหายเองได้ แต่ใช้เวลานาน และบางส่วนอาจอยู่นานกว่า 1 ปีโดยไม่หายเอง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่า 80% ของรอยดำ และรอยแดงอาจกลายไปเป็นรอยหลุมสิวได้ ซึ่งรอยแผลเป็นนี้จะรักษาได้ยากกว่า จึงควรรีบรักษารอยดำ และรอยแดงอย่างถูกวิธี และรักษาโดยเร็วที่สุด

ตามไปดูแลผิวหน้าด้วยวิธีรักษารอยดําจากสิวเร็วที่สุดรักษาอย่างไรดีให้เห็นผลจริง กันมาแล้ว เห็นได้ว่าการรักษารอยสิวก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแค่มีการดูแลและบำรุงผิวอย่างถูกวิธี รวมไปถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือผลิตภัณฑ์ลดรอยสิว ที่เหมาะกับปัญหาและสภาพผิว มีความอ่อนโยน ไม่อุดตัน ก็มีส่วนช่วยลดรอยสิวให้จางลงไปได้แล้ว

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.eucerin.co.th/skin-concerns/acne-prone-skin/late-acne-care?srsltid=AfmBOorEsLzehi_UEw2VKsKPKYtG63-tsH8QpDAEC_jRepKzOsTr4WWo

https://www.romrawinclinic.com/brightening-face-laser/dark-spots-acne-scar

https://doctornat.com/acne-scar/#%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3


คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

ลำดับการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง ฟื้นบำรุงผิวหน้าให้สวยกระจ่างใส

Next

Glass Skin คืออะไร? เผยเคล็ดลับสร้างผิวกระจก ฉ่ำโกลว์ เนียนใส

Related Topics
Share
*/?>